เสี่ยวหมี่ ผู้พัฒนาสมาร์ตโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในครัวเรือนจากจีน ต่อยอดความเป็นเลิศในตลาดสมาร์ตโฟนด้วยการเปิดตัวเรือธง เสี่ยวหมี่ 13 โปร (Xiaomi 13 Pro) ตอกย้ำศักดิ์ศรีราชาสมาร์ตโฟนยอดจำหน่ายอันดับ 3 ของโลก รองจากค่ายแอปเปิ้ล สหรัฐอเมริกา (อันดับ 2) และซัมซุง จากเกาหลีใต้ (อันดับ 1)

เสี่ยวหมี่ 13 และ 13 โปร เปิดตัวในจีนตั้งแต่ปลายปี 2565 ถือเป็นค่ายสมาร์ตโฟนที่มียอดจำหน่ายเติบโตรวดเร็วทั่วโลก ความแตกต่างระหว่าง 13 กับ 13 โปร หลักๆ เป็นขนาดและสเป๊กกล้องถ่ายภาพ ซึ่งทั้งสองรุ่นได้รับการสนับสนุนจากค่ายไลก้า หนึ่งใน ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเลนส์และการถ่ายภาพระดับโลก จากเยอรมนี

เสี่ยวหมี่ 13 โปร ตอกย้ำความเป็นสุดยอดเรือธงของค่าย ด้วยวัสดุและดีไซน์ตามแบบฉบับพรีเมียม เป็นโครงโลหะอะลูมิเนียมเกรดสูง ประกบด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass Victus ด้านหน้า ฝาหลังเป็นกระจกเซรามิก

ขนาดเครื่องกว้าง 74.6 ยาว 162.9 หนา 8.4 ถึง 8.7 มิลลิเมตร (แบบรวมโมดูลกล้อง) น้ำหนัก 210 ถึง 229 กรัม พร้อมหน้าจอ LTPO AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 1,440 x 3,200 พิกเซล (WQHD+) ความหนาแน่นพิกเซล 522 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) ความสว่าง 1,200 นิต (High Brightness Mode – HBM) และ 1,900 นิต (Peak)

อัตราส่วนภาพ 20:9 พื้นที่จอต่อตัวเครื่องร้อยละ 89.6 รองรับเทคโนโลยีภาพ Dolby Vision และ HDR10+ รองรับความถี่สูงสุด 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) มีความไวของการตอบสนองสูงสุด 240 Hz

ปุ่มควบคุมทั้งหมดอยู่ที่ด้านขวา (หันจอเข้าหาผู้ใช้) และถาดใส่ซิมแบบ 2 ซิม ที่ขอบด้านล่างอยู่ข้างช่อง USB-C และลำโพงแบบสเตอริโอ ตัวเครื่องประกอบแน่นหนา ผ่านมาตรฐานกันฝุ่นและกันน้ำเข้าเครื่องแบบ IP68 (ลึกไม่เกิน 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)








Advertisement

นอกเหนือจากนี้ ยังรวมถึงขุมพลังของ 13 โปร ที่มาจากชิพ Snapdragon 8 Gen 2 จากค่ายควอลคอมม์ สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร (nm) ที่ทางค่ายแก้ไขปัญหาความร้อนสูงจาก Snapdragon Gen 1 มาพร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้เหนือระดับขึ้นไปอีก

ภายในชิพแบ่งเป็นหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูแบบ 8 คอร์ (Octa-core) และหน่วยประมวลกราฟิก หรือจีพียูรุ่น Adreno 740 ให้พลังประมวลเหลือเฟือต่อการใช้งานทุกรูปแบบตั้งแต่การทำงานทั่วไปจนถึงการเล่นเกม AAA

ซีพียูแบ่งออกเป็น 4 คลัสเตอร์ ได้แก่ Cortex X-3 ความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุดถึง 3.2 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) จำนวน 1 คอร์, Cortex-A715 ความถี่ 2.8 GHz จำนวน 2 คอร์, Cortex-A710 ความถี่ 2.8 GHz จำนวน 2 คอร์ และ Cortex-A510 ความถี่ 2.0 GHz จำนวน 3 คอร์

เรือธงรุ่นใหม่ของเสี่ยวหมี่รุ่นนี้มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM) และหน่วยความจำแรม (RAM) หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ 128/8, 256/8, 256/12 และ 512/12 กิกะไบต์ (GB) ตามลำดับ ไม่รองรับ Memory card ชนิดใดๆ

ไม่หมดเท่านั้น เสี่ยวหมี่ 3 โปร มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ความจุถึง 4,820 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) ใหญ่ขึ้นกว่า 12 โปร (4,600 mAh) พร้อมชาร์จเจอร์ขนาด 120 วัตต์ (W) แถมมาในกล่อง (พร้อมสายเคเบิล USB-A to USB-C) ชาร์จจากศูนย์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มได้ภายใน 19 นาที ซึ่งถือเป็นระยะเวลาชาร์จเร็วที่สุดในบรรดาเรือธงท็อปทรีตอนนี้ และเป็นหนึ่งในจุดขายโดดเด่นที่สุดของมือถือเสี่ยวหมี่ ที่ทางแอปเปิ้ลและซัมซุงยังเทียบไม่ติดฝุ่น

การเชื่อมต่อของเสี่ยวหมี่ 13 โปร ยังครอบคลุมการสื่อสารยุคใหม่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณ 2G/3G/4G และ 5G สัญญาณ บลูทูธ 5.3 และ Wi-Fi แบบ dual-band สูงสุดถึงรุ่น Wi-Fi 6e (และอาจรองรับ W-Fi 7 ในอนาคต)

ถัดมา กล้องเลนส์ไลก้า อีกหนึ่งจุดเด่นของเสี่ยวหมี่ 13 ซีรีส์ นับเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นที่สองที่ใช้เลนส์จากค่ายดัง (รุ่นแรกเป็น เสี่ยวหมี่ 12เอส อัลตรา เปิดตัวกลางปี 2565 จำหน่ายเฉพาะในจีน) เป็นระบบ 3 กล้อง

ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (MP) เลนส์อัลตราวาย 50 MP และเลนส์เทเลโฟโต 50 MP ขณะที่กล้องเซลฟี่เป็นแบบเลนส์เดี่ยวอยู่ในหลุมกลางจอภาพที่ขอบด้านบนของเครื่อง มีความละเอียด 32 MP รองรับการถ่ายคลิปสูงสุด 8K@24fps และ 4K@24/30/60fps แต่กล้องเซลฟี่รองรับคลิปเพียง 1080p@30fps น่าเสียดาย

ความไม่ธรรมดาของกล้องเสี่ยวหมี่ 13 ซีรีส์ มาจากการเป็นผลิตภัณฑ์แรกของโลกที่ใช้เลนส์ผลิตโดยไลก้าจริงๆ พร้อมเซ็นเซอร์ภาพขนาด 1 นิ้ว รุ่น IMX989 จากค่ายโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น เทียบเท่าระยะเลนส์ 23 ม.ม. และช่องรับแสงขนาด f/1.9 ช่วยให้แสงสีโปรไฟล์ในแบบไลก้าทำงานได้ยอดเยี่ยมในสภาพแสงเพียงพอ ให้สีค่อนข้างสมจริงและมีเสน่ห์

ขณะที่เลนส์อัลตราวายด์ทำให้สีซีดลง และมีการบิดเบี้ยวที่แลเห็นได้แต่ให้ภาพได้คมชัด ส่วนเลนส์เทเลโฟโต้ การซูมแท้ (ออพติคอล) ให้คุณภาพออกมาในเกณฑ์ดี คงเส้นคงวาทั้งระดับ 3, 5 และ 10 เท่า อาจมีสีเพี้ยนบ้างเล็กน้อย ถือว่าคุณภาพระดับเดียวกับ Apple iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max แต่ยังไม่สวยเท่า Samsung Galaxy S23 Ultra และ Google Pixel 7 Pro ส่วนการซูมเทียม (ดิจิตอล) รองรับถึง 70 เท่า แต่ไม่แนะนำ

เสี่ยวหมี่ 13 โปร รันด้วยระบบปฏิบัติการ หรือโอเอส แอนดรอยด์ 13 จากกูเกิ้ล สวมทับด้วยสกินจาก MIUI 14 โดยค่ายเสี่ยวหมี่รับประกันอัพเดตโอเอส 3 รุ่น และแพตช์ปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยนาน 4 ปี ถือว่าอยู่ในระดับดี แต่ยังไม่สุดเหมือนซัมซุงที่รองรับอัพเดตโอเอสยาวถึงปี 2570 และแพตช์ปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยถึง 2571 สำหรับเรือธง ซัมซุง กาแล็กซี เอส 23 ซีรีส์ ที่เพิ่งเปิดตัวต้นปีที่ผ่านมา

นายไรอัน เฮนส์ ผู้ทดสอบกล่าวว่า ความประทับใจแรกเกิดขึ้นทันทีเมื่อแกะกล่อง เพราะการออกแบบโดยรวมของเสี่ยวหมี่ 13 โปร ให้รูปลักษณ์และความรู้สึกพรีเมียมอย่างมาก ไม่ว่าเวลาจ้องมองหรือถือไว้ในมือ แม้โมดูลกล้องที่ยื่นออกมาจากด้านหลังจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้ทุกคนชื่นชอบแต่ก็ไม่ยื่นออกมามากนัก

เสี่ยวหมี่พยายามออกแบบให้ขอบโมดูลกล้องโค้งมนเข้าไปหากับกระจกเซรามิก ถึงจะไม่เรียบเนียนเท่าโมดูลกล้องของ OPPO Find X5 Pro แต่ก็ไม่แลดูเป็นก้อนใหญ่ยักษ์ยื่นออกมาแบบ OnePlus 11 ที่สำคัญคือ เรือธงเสี่ยวหมี่งวดนี้มาพร้อมมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำ IP68 หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาจากรุ่น 12 โปร ที่ไม่ผ่านมาตรฐานดังกล่าว

อีกจุดที่น่าดีใจเป็นชิพ Snapdragon 8 Gen 2 ที่แก้ไขจุดบกพร่องเรื่องความร้อนของรุ่น Gen 1 (12 โปร เล่นเกมแล้วร้อนมากจน โอเวอร์ฮีตบ่อย) ต่อด้วยการเพิ่มขนาดแบตฯ จาก 4,600 mAh รุ่น 12 โปรใหญ่ขึ้นเป็น 4,820 mAh ถือเป็นพัฒนาการในทิศทางที่ถูกที่ควรและแก้ไขข้อวิจารณ์จาก 12 โปร

ลำโพงสเตอริโอของรุ่น 13 โปรยังให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม (แม้จะไม่ได้ค่าย Harman/kardon มาช่วยก็ตาม) เปิดได้ถึงขีดสุดและ ไม่พบว่ามีเสียงแตกรวมถึงไม่กินแบตฯ มากนัก

การทดสอบใช้งานทั่วไปเต็มวันเช้าจรดเย็น พบว่าแบตฯ ลดเหลือร้อยละ 45 (สกรีนไทม์ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง) ผู้ใช้งานทั่วไปจึงไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมดระหว่างวัน คาดว่าแบตฯ น่าจะใช้ได้ราว 1 วันครึ่ง ขณะที่การเล่นเกม Asphalt 9 ไม่พบปัญหาความร้อนสูงเกิน หรือโอเวอร์ฮีต แน่นอนว่าหากเกิด ต้องใช้งานหนักแล้วแบตฯ ใกล้หมดจริงๆ

13 โปรมีทีเด็ดอย่างเทคโนโลยีชาร์จไวแนวหน้าของอุตสาหกรรมไว้รองรับ โดยชาร์จเจอร์ 120 วัตต์ที่แถมมาสามารถชาร์จแบตฯ จนเต็มได้ใน 19 นาที ตัวเครื่องยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สายกำลังไฟสูงสุดถึง 50W ยอดเยี่ยมมากในจุดนี้

ทีมข่าวสดไอทีมองว่า เสี่ยวหมี่ 13 โปร เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีส่วนผสมของความพรีเมียมตั้งแต่หัวจรดเท้า และแก้ไขจุดด่างพร้อยแทบทั้งหมดของ 12 โปร โดยเฉพาะเรื่องความร้อน การไม่กันน้ำ และแบตฯ ที่เล็กลง

แม้ MIUI จะเป็นสกินที่ต้องใช้ความคุ้นเคยสักพัก และมี Bloatware ค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่หากยอมรับจุดนี้ได้ก็จะพบกับข้อชดเชยยอดเยี่ยมหลากหลาย อาทิ คุณภาพการประกอบระดับพรีเมียม จอภาพขนาดใหญ่ที่สวยงาม กล้องเลนส์ไลก้าของแท้ ประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานยาวนานที่ดีที่สุด และระยะเวลาการชาร์จที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรมมือถือชั่วโมงนี้

สมศักดิ์ศรีเรือธงจากค่ายท็อปทรียอดนิยม สนนราคาเริ่มต้นที่ 23,690 บาท วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ – แอนดรอยด์อูธอริตี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน