‘ไซยาไนด์’ (Cyanide) กลายมาเป็นประเด็นทางสังคมที่ถูกผู้คนกล่าวถึงอย่างมากในช่วงนี้

เนื่องจากคดีสะเทือนสังคม ที่มีหญิงสาวตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีวางยาพิษฆ่าคนใกล้ชิดถึง 15 ราย โดยยาพิษที่ใช้ก่อเหตุคือ ‘ไซยาไนด์’

สำหรับไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูง อยู่ในหลายรูปแบบทั้งของแข็งและของเหลว มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก, ไฟไหม้บ้าน หรือไฟไหม้รถ, การเผาวัสดุที่มีคาร์บอนและไนโตรเจน เช่น พลาสติก เมลานีนเรซิน ไนลอน ไหม ขนสัตว์ และยางสังเคราะห์ สามารถปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร

ทั้งนี้ไซยาไนด์สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในพืชบางชนิด อย่าง แอปเปิ้ล, อาหารดิบ เช่น มันสำปะหลัง, บิตเทอร์ อัลมอนด์ (Bitter Almond) ส่วน sweet almond ที่นิยมกินไม่มีสารไซยาไนด์ ตลอดจนเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ไซยาไนด์ ปริมาณเพียงเล็กน้อยที่พบในพืชและกระบวนการ เผาผลาญนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา และหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.รามาธิบดี กล่าวว่า ส่วนไซยาไนด์ที่เป็นสารหรือของเหลวมีอันตรายสูง ออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว ทำให้หมดสติ ไม่รู้สึกตัว และช็อกภายในเวลานับเป็นนาที และเสียชีวิตโดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้รับเข้าสู่ร่างกายด้วยซ้ำ หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอให้ตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะได้รับไซยาไนด์เข้าไป แล้วรีบพบแพทย์ที่ ร.พ. ซึ่งเรามีการสำรองยาต้านพิษเอาไว้ใน ร.พ.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

พญ.ณัฐกานต์ มยุระสาคร อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า พิษไซยาไนด์ เป็นสารพิษร้ายแรงทำให้เสียชีวิตภายในเวลาเป็นนาทีถึงชั่วโมง ถ้าสามารถวินิจฉัยได้ สามารถช่วยชีวิตได้ทันเนื่องจากมียาแก้พิษ (Antidote) โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถรับพิษได้ทั้งจากการหายใจ และดูดซึมทางผิวหนัง เยื่อบุ และทางเดินอาหาร เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว อาการเกิดภายในวินาทีหากได้รับทางการหายใจ ส่วนการกินหรือทางผิวหนังมีอาการหลังสัมผัสเป็นนาทีถึงไม่เกินหนึ่งชั่วโมง

พิษของไซยาไนด์จะเข้าไปยับยั้งการใช้พลังงานจากออกซิเจนของเซลล์ในร่างกาย จึงมีอาการคล้ายภาวะขาดออกซิเจนของอวัยวะต่างๆ การเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจนทำให้เกิดสารพิษทำให้เลือดเป็นกรด อวัยวะ เช่นสมองจะได้รับผลกระทบ ระบบหัวใจการ ไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจึงเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยผู้ที่ได้รับพิษของไซยาไนด์ โดยส่วนใหญ่อาการเริ่มจาก

1.ใจสั่น กระวนกระวาย 2.สับสน ปวดศีรษะ 3.ซึมหรือชัก 4.ความดันโลหิตสูงต่อมาหัวใจเต้นช้าและความดันตก 5.การหายใจช่วงแรกจะเร็วแล้วช้าลงจนหยุดหายใจ

ดังนั้นผู้ที่ได้รับพิษจึงควรถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด

พญ.ณัฐกานต์กล่าวอีกว่า ผู้ได้รับสารพิษไซยาไนด์จะมีลักษณะพิเศษ คือ ผิวแดง (cherry-red) เพราะออกซิเจนในหลอด เลือดดำสูง หรือผิวม่วงคล้ำได้ ลมหายใจกลิ่นอัลมอนด์หากเกิดพิษจากการสูดดมสาร hydrogen cyanide กรณีที่ท่านรู้ตัวว่าสัมผัสไซยาไนด์โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือพบผู้ที่ได้รับพิษไซยาไนด์ สามารถให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ ดังนี้

1.หากเกิดจากการสัมผัส รีบถอดชุดที่เปื้อนสารออก หากสูดดมอากาศที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อน ควรออกจากพื้นที่นั้นโดยเร็วที่สุด

2.หากเกิดจากการสัมผัสทางผิวหนัง ให้ล้างบริเวณสัมผัสด้วยน้ำและสบู่ โดยผู้ช่วยเหลือต้องสวมชุดและหน้ากากเพื่อป้องกันตนเอง

3.หากสัมผัสทางดวงตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาอย่างน้อย 10 นาที

4.ห้ามใช้วิธีเป่าปาก ควรทำ CPR แทน เพื่อป้องกันผู้ช่วยเหลือได้รับพิษ

5.ห้ามล้วงคออาเจียน เนื่องจากไซยาไนด์ดูดซึมอย่างรวดเร็ว

6.รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด

พญ.ณัฐกานต์กล่าวต่อว่า การแก้พิษไซยาไนด์ แพทย์จะให้ยา thiosulfate ร่างกายจะเปลี่ยนไซยาไนด์เป็น thiocyanate ซึ่งไม่เป็นพิษและขับออกทางปัสสาวะได้ หรือให้สาร hydrocobalamine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินบี 12 เพื่อเปลี่ยนเป็น cyanocobalamine ขับออกทางปัสสาวะเช่นกัน และบางส่วนขับออกทางการหายใจ เหงื่อ และปัสสาวะ การช่วยคนถูกพิษไซยาไนด์จึงห้ามช่วยหายใจแบบ mouth-to-mouth เพราะอาจได้รับพิษด้วย

พญ.ณัฐกานต์กล่าวด้วยว่า “ทั้งนี้ ผลของการได้รับพิษจากไซยาไนด์ หากรอดชีวิตจากพิษไซยาไนด์อาจมีผลต่อเนื่อง มีอาการคล้ายโรคพาร์กินสัน เนื่องจากสมองส่วน basal ganglion ถูกทำลายถาวร”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน