เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าพายุไซโคลน “โมคา” ว่าพัดขึ้นฝั่งที่ประเทศบังกลาเทศและเมียนมา (พม่า) แล้ว โดยศูนย์เตือนภัยพายุของสหรัฐอเมริการะบุว่า พายุไซโคลนลูกดังกล่าวมีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งเป็นความรุนแรงสูงสุด มีความเร็วลมสู่ศูนย์กลางสูงสุดถึง 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุไซโคลนโมคาพัดขึ้นฝั่งบริเวณเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศและเมืองซิตตเวของพม่า โดยมีความเร็วลมกระโชกถึง 195 ก.ม.ต่อช.ม. ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นค่ายพักพิงของ ผู้อพยพชาวโรฮิงยาเกือบ 1 ล้านคน ขณะที่ชาวพม่าหลายพันคนในเมืองซิตตเวพากันอพยพ

ขึ้นฝั่งแล้ว – สภาพความเสียหายและ ฝนตกหนักจากพายุไซโคลน “โมคา” ที่เมืองซิตตเว ประเทศพม่า หลังพายุพัดขึ้นฝั่งที่ เมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศและเมือง ซิตตเวของพม่า มีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอ ริเคนระดับ 5 เมื่อ 14 พ.ค. (เอเอฟพี)

บรรดานักอุตุนิยมวิทยายังเตือนถึงผลกระทบจากพายุโมคาว่าอาจทำให้เกิดคลื่นความสูงถึง 3.5 เมตร และขอให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชายฝั่งอพยพขึ้นที่สูงโดยด่วน อย่างไรก็ดี ยังมีชาวโรฮิงยาจำนวนมากโดยเฉพาะในค็อกซ์บาซาร์ที่ยังไม่ได้อพยพได้รับเพียงสิ่งของยังชีพเท่านั้น ซึ่งทางการบังกลาเทศพยายามเคลื่อนย้ายไปยังสถานศึกษาใช้เป็นที่หลบภัยแล้วหลายแสนคน

นายโมฮัมเหม็ด ซายีด อายุ 28 ปี หนึ่งในชาวโรฮิงยา กล่าวว่า บ้านของพวกตนในค่ายพักพิงนั้นเป็นเพียงกระท่อมที่ทำจากไม้ไผ่และฟาง เพียงลมแรงปกติก็สามารถพังได้ ขณะที่สถานศึกษาท้องถิ่นที่ทางการบังกลาเทศใช้เป็นที่หลบภัยให้พวกตนก็ไม่ได้อยู่ในสภาพแข็งแรงพอที่จะต้านทานแรงลมของไซโคลนโมคาได้ ทำให้ตนและพวกรู้สึกหวาดกลัวมาก

เช่นเดียวกันกับบรรยากาศที่เมืองซิตตเว ผู้อพยพชาวพม่าระบุว่าไม่ได้นำข้าวสารอาหารติดตัวมาด้วย ทำให้ขาดแคลนอาหาร ต้องคอยขอรับบริจาคจากประชาชนในละแวกหลุมหลบภัยเท่านั้น ขณะที่สภากาชาดพม่าระบุว่า เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือเหตุฉุกเฉินแล้ว

ทั้งนี้ พายุไซโคลนโมคาถือเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดที่พัดขึ้นฝั่งบังกลาเทศ นับตั้งแต่พายุ “สิทรา” เมื่อเดือนพ.ย. 2550 มีผู้เสียชีวิตกว่า 3 พันราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน