‘หลง-หลินลับแล’ อุตรดิตถ์ เป็นทุเรียนยอดนิยมที่มีราคาแพง ลูกหนึ่งราคาหลายร้อยบาทจนถึงหลักพัน ปัจจุบันมีการนำไปปลูกในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ วันนี้เป็นที่น่ายินดีว่า ‘รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท’ แห่งคณะเกษตรศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) และคณะ สามารถเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหลงลับแล หลินลับแล และพันธุ์พื้นเมือง ประสบความสำเร็จเป็นแห่งแรกในโลก ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ในการศึกษาการขยายพันธุ์ทุเรียนในสภาพปลอดเชื้อด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ทุเรียนที่มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ 100% ซึ่งจะ ส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจ ทั้งเกษตรกรผู้ปลูก ผู้ขายและผู้บริโภคเอง โดยงานวิจัยดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

รศ.ดร.พีระศักดิ์บอกอีก 2-3 ปี จะสามารถแจกจ่ายต้นพันธุ์ หลง-หลินลับแลที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้กับเกษตรกรได้ เพราะต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้ได้จำนวนต้นพันธุ์มากพอ

ทั้งนี้หลังจากสื่อมวลชนจากส่วนกลางได้เข้าไปเยี่ยมชมห้องแล็บของมน.ที่เพาะเนื้อเยื่อเสร็จแล้ว โปรแกรมต่อไปคือ ลงพื้นที่สวนประภาพรรณ ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นสวนที่ทาง

โครงการเข้าไปให้คำแนะนำ โดยมี ‘คุณเนาวรัตน์ มะลิวรรณ’ เป็นเจ้าของ

ขณะที่หลายปีมานี้เกษตรกรที่ปลูกยางพาราต่างโค่นทิ้งหันมาปลูกทุเรียนแทน คาดว่าเฉพาะต.บ้านแยงมีแปลงปลูกทุเรียนกว่า 2 พันไร่

รศ.ดร.พีระศักดิ์บอกว่า สวนประภาพรรณเป็นสวนบุกเบิกรุ่นแรกๆ ที่ปลูกทุเรียนในเชิงพาณิชย์ ช่วงก่อนปลูกคุณเนาวรัตน์ไปดูสวนทรัพย์ไพรวัลย์ของตน อยู่อ.วังทอง ซึ่งปลูกทุเรียนเป็นรายแรกๆ หลังจากนั้นมีคนมาดูต้นแบบของสวนประภาพรรณ เนื่องจากจัดสวนสวยงามสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ และยังทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย มีร้านกาแฟไว้บริการ จุดเด่นคือตัดทุเรียนแก่ สุกหรือแก่คาต้น จึงมีคุณภาพดี เป็นชื่อเสียงที่พูดกันแบบปากต่อปาก ทำให้มีความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสวนที่มีชื่อเสียงของบ้านแยง อย่างไรก็ดีปัญหาหนึ่งที่เจอคือเรื่องรากเน่าโคนเน่า ซึ่งเป็นปัญหารุนแรงในหลายพื้นที่ ทางศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ กำลังแก้ปัญหานี้อยู่

ใครมาเยี่ยมเยียนสวนประภาพรรณในเนื้อที่ 30 ไร่แห่งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวนสวยงาม ปลูกเป็นระเบียบ ไม่มีหญ้ารก เดินสะดวก ยิ่งตอนนี้ทุเรียนกำลังออกลูก นักท่องเที่ยวเลยมากันเยอะ และไม่พลาด ที่จะถ่ายรูปคู่กับทุเรียนลูกใหญ่ๆ ที่รอวัน เก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นสวนที่ได้ใบรับรอง GAP ด้วย

คุณเนาวรัตน์บอกว่า ด้วยความที่เรียนจบด้านก่อสร้างมา เลยวางผังไว้ก่อนปลูกทุเรียน แบ่งเป็นโซนเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อย ต้องได้ฉากทุกแปลง

สวนแห่งนี้เคยปลูกน้อยหน่า สับปะรด และพริกไทย พอปี 2554 ตัดสินใจโค่นมาปลูกทุเรียนแทน เนื่องจากไปชิมทุเรียนพื้นบ้านแถวนั้นแล้วเห็นว่าปลูกได้แถมรสชาติดี

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เขาให้คำแนะนำว่าใน 1 ไร่ ควรปลูกไม่เกิน 20 ต้น ระยะ 9 ม. คูณ 9 ม. และ 10 ม. คูณ 7.50 ม. จากเดิมปลูกระยะห่างแค่ 7 ม. คูณ 7.50 ม.

แปลงทุเรียนของสวนประภาพรรณมีพันธุ์หลากหลายทั้งหมอนทอง หลง-หลินลับแล ชะนีไข่ พวงมณีและนกหยิบ แต่เน้นหมอนทองเป็นหลัก โดยคุณเนาวรัตน์ให้เหตุผลว่า เพราะเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิต 100% เป็นทุเรียนตลาดที่มีผู้คนนิยมทานมากที่สุด ขณะที่หลงลับแลติดลูกน้อย น้ำหนักเบา ไม่ค่อยคุ้ม

ในการดูแลทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตดีมีคุณภาพนั้น คุณเนาวรัตน์แจกแจงว่า ทุเรียนมีระยะที่สำคัญๆ เรียกระยะฟื้นต้น ช่วงหลัง เก็บเกี่ยวเสร็จ ฟื้นต้นคือบำรุงต้น ถ้าฟื้นต้น บำรุงต้นได้ดี ทุกอย่างจะดีหมดเลย แต่ถ้าตกเรื่องนี้ปั๊บ ทุกอย่างจบหมด เหมือนปรุงอาหาร หากเครื่องปรุงไม่ถึงก็ไม่อร่อย หลังเก็บเกี่ยวต้องตัดแต่งยอด หลังจากนั้นบำรุงต้นบำรุงใบ ใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ บางคน ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ล้วนก็มี เพื่อให้แตกยอดใหม่ แตกใบชุดใหม่ ขยายกิ่งก้านออกมา

ถ้าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพใช้ต้นละ 3 กิโลกรัม (ก.ก.) อาจเป็นขี้วัว ขี้หมู ปุ๋ยเม็ดที่เป็นปุ๋ย 8-3-3, 6-3-3, 12-3-3 ใช้ได้หมดเลย หลังเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นเดือนก.ค. มีเวลาแค่เดือนส.ค.-ต.ค. ช่วง 3 เดือน ต้องบำรุงต้น ให้ดี ใส่ปุ๋ยทุก 15 วัน ระหว่างเดือนต.ค.ไปถึงพ.ย. ต้องพร้อม ประมาณกลางเดือนต.ค.ต้องสะสมอาหาร ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันกับฤดูกาลที่จะเริ่มแทงตาดอก ตอนนั้นใบต้องมีความพร้อมแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ลงจังหวะของพื้นที่ตรงนี้ เพราะที่นี่ไม่เหมือนภาคตะวันออกหรือใต้ คือ มีหนาว นี่คือเรื่องใหญ่สำหรับบ้านแยง รวมทั้งภาคเหนือทั้งหมด

ถ้าหนาวจัดการเติบโตของทุเรียนจะชะงัก เหมือนโดนสตัฟฟ์ไว้ แข็งแช่ฟรีซ ถ้าไม่เตรียมการให้ดี ต้นอาจแย่หรือตายได้ เคยเจอหนาวสุดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ปี 2548 ประมาณ 8 องศาเซลเซียส แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะภูมิประเทศและอุณหภูมิโลกเปลี่ยนไป ร้อนขึ้นด้วย อยู่ที่ประมาณ 10-12 องศาเซลเซียส

คุณเนาวรัตน์บอกอีกว่า ที่นี่ปริมาณฝนน้อยกว่าภาคเหนือหรือภาคๆ อื่น ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.ไปจนสิ้นเดือนก.ค. จะได้กินทุเรียนจากที่นี่ ซึ่งออกก่อนทางภาคใต้นครศรีธรรมราช ชุมพร พอที่นี่หมดแล้วถึงจะมีที่ใต้

ที่นี่จุดขายคือ เป็นทุเรียนแก่จัดทุกลูกเก็บประมาณ 140-150 วัน หมอนทองขายก.ก.ละ 180 บาท ชะนีไข่ก.ก.ละ 170 บาท หลง-หลินลับแล ก.ก.ละ 250 บาท ปีหนึ่งได้ผลผลิต 8-9 ตัน คาดว่าปีนี้อาจน้อยกว่าเดิมไปบ้าง เนื่องจากมีต้นทุเรียนเป็นโรครากเน่าโคนเน่าตายไป 30 ต้น สนใจโทร.09-9239-2299 และ 09-2523-9369 หรือติดตามได้ทางเฟซบุ๊กสวนประภาพรรณ

นับเป็นตัวอย่างสวนทุเรียนที่ทำครบวงจร ทั้งปลูกและขายเอง แถมยังเน้นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน