หอการค้าชี้ผิดคาดเลือกตั้งไม่ช่วยดันเชื่อมั่นผู้บริโภค

หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. สูงสุดในรอบ 39 เดือน ด้านนักธุรกิจ-ประชาชน ประสานเสียงกังวลปัญหาเสถียรภาพการเมืองในการตั้งรัฐบาล อาจฉุดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้แค่ 2.5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพ.ค. 2566 ว่า ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.7 สูงสุดในรอบ 39 เดือน แต่ค่ายังต่ำกว่า 100 เพราะ ผู้บริโภคมองว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า มีปัญหาเสถียรภาพการเมืองหลังเลือกตั้ง รวมทั้งค่าครองชีพยังสูงจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย หรือดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนพ.ค. 2566 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 51.9 เป็น 53.6 จากกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.6% และ 3.8% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น, เงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันทั้งแก๊สโซฮอล์ และดีเซลลดลง แต่ค่ายังต่ำกว่า 100 เนื่องจากธุรกิจเริ่มกังวลปัญหาการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ปัญหาต้นทุน ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกและสหรัฐอเมริกา

“เดิมคาดว่าการเลือกตั้งจะผลักให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นโดดเด่น 2-3 จุด แต่กลับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด เนื่องจากขณะนี้ทั้งผู้บริโภค และนักธุรกิจเริ่มกังวลความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเห็นเหมือนกันว่าขณะนี้ปัญหาการเมืองเริ่มเข้ามาปกคลุม และเป็นตัวที่เข้ามากำหนดทิศทางเศรษฐกิจของไทยแล้ว รวมทั้งไม่แน่ใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้จะทำให้ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทยจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปีหรือไม่”

นายธนวรรธน์กล่าวว่า หากภายในเดือนส.ค. 2566 สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และผลักดันงบปี 2566 ออกมาใช้ได้ ภาคท่องเที่ยวฟื้น ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-28 ล้านคน มั่นใจว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตตามเป้า 3-3.5% แต่หากไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนส.ค. 2566 เศรษฐกิจจะโตเพียง 3% เท่านั้น เพราะผู้บริโภค นักธุรกิจ รวมถึงนักลงทุน จะลังเล และชะลอการใช้จ่าย การทำธุรกิจ และการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจน

ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนขั้วพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่สามารถตั้งรัฐบาลได้โดยใช้ขบวนการรัฐสภา จะไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 3.5% แต่หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดมีการชุมนุมประท้วง จะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจไทยชะงักอาจฉุดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำลงเหลือ 2.5-3% ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน