เป็นประเด็น ‘ร้อน’ ขึ้นอีกรอบ สำหรับบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อพรรคเพื่อไทยเรียกร้องถึงจิตสำนึกของพล.อ.ประยุทธ์ ให้คืนบ้าน พักหลวง ยกเลิกการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน

แต่มีการตอบโต้กลับจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศไม่ย้ายออกจากบ้านพักภายใน ร.1 ทม.รอ. โดยยืนยันในสิทธิของตัวเองว่า เป็นไปตามระเบียบของกองทัพ หากจะให้ออก ก็ต้องไปแก้กฎกระทรวง พร้อมระบุว่า จำเป็นต้องอยู่เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสากลว่าต้องดูแล

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ท่านบอกว่าของเยอะแล้ว ขนของจากไทยคู่ฟ้าไปบ้านพักหลวง ซึ่งทราบว่าบ้านหลังใหญ่มาก พื้นที่ถึง 3 ไร่ แสดงว่าท่านมีที่ในการเก็บเอกสารเยอะมาก แต่ในเมื่อจะปลดระวางจากการเป็นนายกฯ และรมว.กลาโหมในอีกไม่กี่วัน เกิดมีคนที่จะมาดำรงเป็นอดีตนายทหารแล้วมาตำแหน่ง รมว.กลาโหม คนใหม่จะไปอยู่ที่ไหน

พล.อ.ประยุทธ์ควรย้ายออกจากบ้านพักหลวงได้แล้ว อย่ามาอ้างเรื่องระเบียบให้อยู่ได้ ไม่เช่นนั้นใครๆ ก็อ้างได้ การอ้างว่านายกฯ หรืออดีตผบ.ทบ.ต้องการความปลอดภัย แล้วคนอื่นก็ต้องการความปลอดภัยเหมือนกัน จะกลัวอะไรในเมื่อประชาชน ไม่มีกำลังทหาร เขาอันตรายกว่าท่านอีก และสมัยตอนยึดอำนาจก็ไม่มีใครคุ้มกันบุคคลที่โดนพล.อ.ประยุทธ์ สั่งคุมขังเช่นกัน

ขณะที่อดีตนายกฯ หลายคนก็ไม่ได้อยู่บ้านหลวง ก็ไม่เห็นมีอะไร ปลอดภัยทุกคน ไปเดินตลาดก็ไม่เห็นมีอะไร ไม่แน่ใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ หวงบ้านหลวงหลังนี้หรือไม่เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่

เรื่องการแก้ระเบียบของกองทัพนั้น แก้ง่าย ถ้าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลเป็นรัฐบาล สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว แต่แก้สำนึกนั้น แก้ยากเมื่อพ้นจากหน้าที่แล้ว ก็ต้องปล่อยให้คนที่มีหน้าที่ต่อรับช่วงไป อย่างพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นอดีตนายกฯ และอดีตผบ.ทบ. มีบ้านของตัวเอง ไม่ใช้สิทธิ์ความเป็นผบ.ทบ.

วันนี้ถ้าเราถามว่าเมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว มีบ้านของตัวเอง ก็ควรอยู่บ้านตัวเอง เป็นเรื่องปกติ ที่เราห่วงไม่ใช่เพราะเรามีปัญหากับพล.อ.ประยุทธ์ แต่ท่านเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกตรวจสอบได้

ได้ข่าวว่ามีนายพลนับร้อยคนที่อยู่บ้านพักหลวง จึงอยากให้ตรวจสอบด้วยว่า ตอนนี้มีอดีตผบ.ทบ.ที่ยังอยู่บ้านพักหลวงอีกกี่คน








Advertisement

เรื่องหลักๆ มองว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องบ้านอย่างเดียว แต่มีเรื่องบัญชีทรัพย์สินด้วย อยู่บ้านหลังนี้ก็ไม่ต้องแจ้งบ้านอีกหลังด้วยหรือไม่

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. กล่าวว่า บ้านหลวงนี้ ไม่ใช่บ้านรับรองนายกฯ บ้านรับรองของกองทัพบกที่ให้แก่อดีตผบ.ทบ. ภายใต้กติกา การจะบอกให้คืนบ้านพักทหารคงบอกให้คืนไม่ได้เพราะเป็นสิทธิ แต่กองทัพไปออกระเบียบให้อดีตผบ.อยู่บ้านหลวงฟรีนั้น เป็นระเบียบที่เหมาะสมหรือไม่

หากมีอดีตผบ.ทบ. 10 คน ที่ยังไม่เสียชีวิต ต้องสร้างบ้านให้ทั้ง 10 คนนั้น ต้องเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายเพื่อให้คนเหล่านี้ ตนมองว่ามันผิดปกติ หน่วยงานราชการอื่น เช่น กรมต่างๆ ทำแบบนี้หรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ ต้องตั้งเป็นคำถาม

เบื้องต้นอยากอยู่ก็อยู่ไป แต่รัฐบาลใหม่ควรทบทวนระเบียบต่างๆ ซึ่งการทบทวน ไม่ใช่การแก้แค้น ทบทวนให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ เพื่อไทยหรือก้าวไกล ใครเป็นรมว.กลาโหมควรพูดคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน โดยบ้านหลังนี้น่าจะเป็นบ้านรับรองให้อยู่เป็นครั้งคราว อยากมาพักผ่อน หาความสงบก็มาได้ แต่ไม่ใช่ยึดเป็นบ้านส่วนตัว

หากเพื่อไทยและก้าวไกลเป็นรัฐบาล ก็ควรจัดการเรื่องนี้ เพื่อให้กองทัพโปร่งใส ทั้งเรื่องบ้านพักหลวง สถานีวิทยุและโทรทัศน์ การเช่าที่ดินของกองทัพ

ดังนั้น สิ่งที่ต้องทบทวนและดูข้อมูลว่ากองทัพต่างๆ ใช้งบประมาณกับสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่ มีบ้านนายพลกี่หลัง ช่วยค่าน้ำค่าไฟเท่าไหร่ในส่วนของงบประมาณแผ่นดิน แล้วแก้ทั้งระบบ เราต้องการทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง

ไม่ใช่จับจ้องพล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว แต่มีอีกหลายคน เพื่อให้การใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ทำให้เกิดความสุขแก่ข้าราชการระดับสูงหรือเกษียณไปแล้ว

ส่วนการแก้ระเบียบพักบ้านหลวง แค่ผบ.เหล่าทัพเซ็นแก้ไขก็จบ และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องพร้อมเปิดเผยต่อฝ่ายการเมือง ให้เขาเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและหารือกันว่าระเบียบใหม่เป็นอย่างไรต้องดูทั้งระบบ รวมถึงเงินนอกงบของกองทัพ จึงอยากให้ดูการใช้งบประมาณ เพื่อซื้อสิ่งของหรูหรา อย่างรถเบนซ์ด้วย

เรื่องความปลอดภัยของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าห่วง ทุกคนก็เดินถนนได้ แต่ท่านอาจเคยชินต้องมีเจ้าหน้าที่ล้อมรอบ ความจริงคนรักพล.อ.ประยุทธ์เยอะ คงไม่มีใครทำร้ายท่าน

ผมไม่ชอบวิธีการพล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกให้แก้ระเบียบ อยากบอกให้รัฐบาลใหม่แก้อยู่แล้วเพราะถ้าไม่ทำจะขัดความรู้สึกของประชาชน แต่อยากแนะนำให้ออกก่อนดีกว่า จะได้สง่างาม เก็บของในทำเนียบรัฐบาลแล้ว ก็ควรเก็บของในบ้านหลวงด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน