วันเสาร์ที่ 1 ก.ค.2566 รำลึกครบรอบ 106 ปี ชาตกาล “หลวงพ่อบอน ปูชิโต” หรือ พระครูประสาธน์ยติคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามราษฎร์บำรุง ต.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และอดีตเจ้าคณะตำบลทมอ-โคกยาง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสุรินทร์

มีนามเดิมว่า บอน มีมั่น เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2460 ถิ่นกำเนิดบ้านสก็วน ต.เฉนียง

สำเร็จการศึกษาชั้น ป.4 ที่โรงเรียน วัดศิลาราม และพออายุครบ 19 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดปราสาทศิลาราม โดยมีเจ้าอธิการตัน พรหมปัญโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ปูชิโต

หลังเข้าพิธีอุปสมบท สมัครใจไปอยู่ จำพรรษาที่วัดโคกบัวไรย์ เพื่อฝึกเรียน พระปริยัติธรรม

พ.ศ.2490 ราษฎร 3 หมู่บ้าน ได้ร่วมพัฒนาสร้างวัดสามราษฎร์บำรุง และได้นิมนต์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง

หลวงพ่อบอนเคยปรารภว่า “กว่าจะตัดสินใจเข้ามาวัดสามราษฎร์บำรุง ต้องใช้เวลาไตร่ตรองนานกว่า 7 วัน จนได้คิดว่า ในละแวกนั้นไม่มีวัดให้ประชาชนร่วมประกอบกิจทางศาสนา จึงตกลงยินยอมรับนิมนต์”

พ.ศ.2495 ออกแสวงบุญได้พบ พระอาจารย์ใหญ่ พระอุปัชฌาย์มหานาค หลวงพ่อจุก พระเกจิชื่อดัง จอมอาคม ขมังเวท ที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ บริเวณช่องปราสาทตาเมือน จึงขอติดตามไปปรนนิบัติรับใช้ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเวลา 1 เดือน ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคม

เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวอำเภอปราสาทเป็นอย่างยิ่ง เมื่อชาวบ้านเกิดปัญหาอาทิ ปัญหาครอบครัว จะใช้หลักพระธรรมอบรมสั่งสอน เตือนใจให้เกิดสติปัญญาใช้แก้ปัญหาในชีวิตได้อย่างลงตัว

ท่านดำริโครงการต่างๆ มากมาย โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะศิษยานุศิษย์ อาทิ การสร้างวัดสาขาของวัดสามราษฎร์บำรุง รวม 9 แห่ง ได้แก่ วัดปทุมสามราษฎรบำรุง, วัดศิริราษฎรบำรุง, วัดลำดวน, วัดโคกสะอาด, วัดหนองซุง, วัดโคกโบสถ์, วัดบ้านสีโค และวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 2 แห่ง ได้แก่ วัดปะคำ วัดโคกพะยุง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้สร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนบ้านโคกบุ และโรงเรียนบ้านลำดวน พร้อมสนับสนุนให้ทุนการศึกษา และได้เชิญชวนราษฎรร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาเส้นทางคมนาคม ด้วยการสร้างสะพานไม้เชื่อมหมู่บ้าน พัฒนาแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภค ยามเกิดวิกฤตภัยแล้ง

เมื่อชาวบ้านเจ็บป่วย ถูกอสรพิษกัด ไข้ป่า หรือกินอาหารผิดสำแดง หลวงพ่อบอนจะใช้ประสบการณ์จากการเดินป่า ใช้ยาสมุนไพร ช่วยบำบัดรักษาให้แก่ผู้ป่วย จนหายเจ็บหายไข้ได้ผลดีนักแล

พ.ศ.2502 หลวงพ่อบอนได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทมอ พ.ศ.2505 ได้รับ แต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูประสาธน์ยติคุณ

หลวงพ่อบอนไม่เคยอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล แต่ด้วยท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนตะกรุดโทน ในบางโอกาสท่านจะเขียนให้เฉพาะผู้ที่มีความต้องการเท่านั้น

เมื่อจารลงอักขระ จะให้พระภิกษุนั่งม้วนแล้วถักส่วนใหญ่ถักด้วยเส้นด้ายขาว (สายสิญจน์) หลวงพ่อบอนได้แนะนำศิษย์ทุกๆ คนที่ได้รับตะกรุดโทนด้วยว่า “สำหรับตะกรุด หยิบตะกรุดโทนขึ้นมาตั้งนะโม 3 จบ ให้เป่าก้นตะกรุดโทน พลิกเป่าซ้ายและพลิกเป่าขวา ถ้าเป่าในบ้านเรือน พระเวทอาคมในแผ่นตะกรุดโทน นอกจากจะช่วยปกป้องคุ้มครองตัวแล้ว ยังจะช่วยปกป้องทรัพย์สิน และช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจด้วย”

ในช่วงเดือน ก.ค.2518 เริ่มอาพาธด้วยโรคอัมพฤกษ์ ไม่สามารถขยับแขน-ขาได้ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แต่อาการไม่ดีขึ้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2522 ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 63 ปี พรรษา 43

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน