น่าจะเป็นประเทศที่อ้างตัวเป็นประชาธิปไตยเพียง 1 เดียว ที่กระบวนการเข้าถึงอำนาจการบริหารประเทศยากเย็นแสนเข็ญถึงเพียงนี้
เอาแค่ระยะเวลากว่าจะตั้งรัฐบาล ที่ตอนนี้ผ่านมาร่วม 2 เดือน ก็ยังไม่เห็นหน้าเห็นหลัง แถมยังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่
ท่ามกลางที่ประเทศมีปัญหามากมาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เงินเฟ้อ ตลาดทุนที่ส่อแววล่มสลาย ค่าพลังงานที่พุ่งสูง ไข่ไก่แพงเป็นประวัติการณ์
แต่ประเทศเราก็ยังคงชิลชิล เหมือนจะมีหรือไม่มีรัฐบาล ก็ไม่ได้มีอะไรจะดีไปกว่านี้
ไม่เพียงแค่นั้นยังไม่แน่อีกว่าพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 หรือมีประชาชนเลือกมาสูงสุด ที่เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกฯ
เรื่องคดีความที่ถาโถมมาก็เรื่องหนึ่ง
แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือตามรัฐธรรมนูญต้องฝ่าด่าน 250 ส.ว. คือรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง
หรือต้องการส.ว.ไม่น้อยกว่า 64 คนเพื่อร่วมโหวตให้คนที่ประชาชนเลือกได้เป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศ
ในทางตรงกันข้าม ก็คือไม่ได้ส.ว.ร่วมโหวต ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาลเดิมก็ยังรักษาการ และปัญหาประเทศก็ยังคาราคาซัง
กลายเป็นคำถามว่าเหตุใดส.ว.ที่อ้างตัวเองว่ารักชาติ รักประเทศเสียเต็มประดา ทำไมถึงปล่อยให้ประเทศอยู่ในสภาพสุญญากาศเช่นนี้
หนำซ้ำยังต้องเจอกับวาทกรรมที่พยายามประดิษฐ์ขึ้นเพื่อแสวงหาความชอบธรรม ยิ่งต้องทำตาปริบๆ
ไม่ว่าจะอ้างรัฐธรรมนูญให้อำนาจ ส.ว.โหวต โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลการเลือกตั้ง เนื่องจากผ่านประชามติมาแล้ว
แต่ไม่พูดว่าประชามติรธน.60 นั้นอัปยศเพียงใด
หรือแม้แต่อ้างว่าก้าวไกลไม่ได้เสียงส่วนใหญ่ เพราะมีคนไม่เลือกมากกว่าเลือก
โดยไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองเหาะมาจากไหน หรือได้ถูกเลือกมาจากใคร
มีประชาชนสักกี่เสียงที่อยากให้มาทำงาน!??
ทั้งหมดจึงกลายเป็นตรรกะวิบัติ ที่พยายามหลอกตัวเองว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม
สับสนว่าใครกันแน่ที่ยังไม่ตาสว่าง หรือถูกหลอกลวง ล้างสมอง
ก็ได้แต่หวังความสำนึกรู้ ของคนที่อ้างว่ามีวุฒิภาวะ ไม่ทำให้ประเทศย่ำแย่ยิ่งไปกว่านี้
หรือสุดท้ายจะไม่รู้สำนึก ทำความผิดไปจนวันตาย
ก็ยากที่จะหาทางเยียวยาจริงๆ!!
รุก กลางกระดาน