กลับมาอีกครั้งสำหรับการเป็นเจ้าภาพรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 27-29 ต.ค.66 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 4

โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดจำหน่ายบัตร ผ่านช่องทางออนไลน์ไปทั่วโลก อย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยบัตรชมการแข่งขันแบ่งเป็น 5 แบบ ได้แก่ 1.แกรนด์สแตนด์ 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม) 2.มาร์เกซ สแตนด์ 4,000 บาท (รับของที่ระลึกลิขสิทธิ์แท้จากมาร์ก มาร์เกซ) 3.กวาร์ตาราโร สแตนด์ 3,000 บาท (รับของที่ระลึกลิขสิทธิ์แท้จาก ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร) 4.จันทราสแตนด์ 3,000 บาท (รับของที่ระลึกลิขสิทธิ์แท้จาก สมเกียรติ จันทรา) 5.ไซด์สแตนด์ 2,000 บาท ซึ่งแกรนด์สแตนด์สร้างสถิติใหม่ ถูกจับจองหมดภายในเวลา 2.29 นาที

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผยว่า ปีนี้ยังเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ เพื่อเป็นหนึ่งในกรังด์ปรีซ์ที่ดีที่สุดในโลกอีกครั้ง โดย คณะทำงานเตรียมงานกันอย่างหนัก นำประสบ การณ์ 3 ครั้งที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาให้การแข่งขันในปีนี้ให้ออกมาดีที่สุด ปรับแก้ไขจุดด้อยและชูจุดเด่นของโมโตจีพี สนามประเทศไทย หรือ ThaiGP ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในทุกปี ปีที่ผ่านมา ThaiGP สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 4,048 ล้านบาท เชื่อว่าในปีนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากไม่มีการแพร่ของโควิด-19 ในเรื่องของกีฬามอเตอร์สปอร์ต ไทยเป็นหมุดหมายสำคัญที่บรรจุในปฏิทิน การแข่งขันโมโตจีพีไปอีก 4 ปี มีนักแข่งสัญชาติไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา โลดแล่นอยู่ในคลาสโมโตทู และสร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับวงการ

ด้าน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผวจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากผ่านวิกฤตโควิดเชื่อว่าจำนวนผู้ชมและนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น อัดแน่นทุกสแตนด์เช่นเดิม บุรีรัมย์ในฐานะเจ้าบ้านต้องเตรียมการอย่างหนักเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยด้านที่พักได้มีการสนับสนุนให้มีโฮมสเตย์รองรับมากขึ้น จัดตั้งหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนโรงแรมที่พักเกินราคา ได้ที่ที่ทำการปกครองจังหวัดบุรีรัมย์ และมีอาสาสมัครนับพันคนดูแลรอบด้าน

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เผยว่า ในส่วนของสนามจัดการแข่งขันถือว่ามีความพร้อมสูงสุด มีการปรับปรุงสนามอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานของบุคลากรทางมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก สนามมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์รถจักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ส่วนความพิเศษของโมโตจีพีในปีนี้ คือความคุ้มค่า เพราะเทียบได้กับการดูการแข่งขันได้ถึง 2 วัน เพราะวันเสาร์มี Sprint Race ให้ชมเพิ่มอีกวัน รวมทั้งการได้รับเลือกเป็นสนามที่ 17 ถือเป็นช่วงที่ดี เข้าสู่โค้งสุดท้ายที่สนุก เข้มข้น มีโอกาสลุ้นแชมป์ประจำปีที่ประเทศไทย

เชื่อว่า ‘ไทยจีพี’ จะเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นจุดหมายปลายทางของชาวโลกอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ 3 ปีที่ผ่านมา จะทำให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จดังหวัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน