ส่วนตัวมั่นใจว่าการโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค. ที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะโหวตผ่านรอบเดียวเลย เพราะสังเกตจากสถานการณ์ รู้สึกว่าฝ่ายที่ไม่อยากให้ได้รับการโหวตชักจะขาดความมั่นใจ ไม่อยากโหวตขึ้นมาแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ที่มีคนมองว่าน่าจะแพ้กลับอยากให้ที่ประชุมลงมติตามกำหนดเดิม
จริงๆ แล้ว ถ้าหากเราแน่ใจว่าเราชนะก็ต้องเร่งให้เขาโหวต ทำไมฝ่ายที่คิดว่าตัวเองชนะกลับพยายามหา เหตุผลอื่นมาประกอบ เพื่อให้เลื่อนการโหวตออกไปแทนที่จะเร่งให้ที่ประชุมลงมติ ในขณะที่พรรคก้าวไกลเองก็มีท่าทีมั่นใจอยู่พอสมควร ก็อยากให้เดินหน้าโหวต และดูจากอารมณ์สังคมก็ไปในทางอยากให้โหวต
ส่วนตัวยังมั่นใจนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อนายพิธา แต่มันอาจจะมีเกมซึ่งก็ยังไม่รู้ว่ามีการเล่นเกมอย่างไร และจะแก้ได้หรือเปล่า เพราะการพยายามยืดเวลาออกไป ก็คือจะ เล่นเกม
ส่วนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่ได้อันดับสองวันนี้ก็ไม่แน่ใจ เพราะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศวางมือทางการเมือง ก็เพื่อให้เหลือคู่แข่งตำแหน่งนายกฯ ที่น้อยลง
วันนี้จึงเหลือคนเดียวคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็อาจได้รับการเสนอชื่อในที่ประชุมก็ได้ เมื่อก่อน พล.อ.ประวิตรอาจเกรงใจ พล.อ. ประยุทธ์ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลย ลาออกให้
แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เองยังมีสิทธิเป็นแคนดิเดตของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่การประกาศวางมือทางการเมืองก็เท่ากับหมดสิทธิแล้ว เพราะตัวเองประกาศเอง และผู้คนทั่วไปก็ต้องเข้าใจอย่างนั้น
“ผมขอฝากรัฐสภาให้เคารพมติมหาชน อยากให้เคารพผลการ เลือกตั้ง ผมไม่ต้องการเห็นประเทศชาติวุ่นวาย ไม่อยากเห็นประเทศเกิด วิกฤตอีก”