มีหลากหลายปัจจัยมากที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% (อีวี) ถล่มทลาย ทะลักจุดเดือด ชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง

ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่ทั้งทันสมัย เก็บกักพลังงานได้มาก และชาร์จไฟได้เร็วขึ้น รวมถึงดีไซน์ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป ไม่ใช่ขับไปทางไหนก็มีแต่คนมองเพราะนึกว่าขี่ยานอวกาศ เหมือนเช่นรถอีวีในอดีตเก่าก่อน

ส่วนที่ดูเหมือนเป็นยากระตุ้นชั้นดี ช่วยเสริมแรงการตัดสินใจให้กับนักเลงรถหัวใจสีเขียวได้อย่างชะงัก คือการที่รัฐบาลได้อนุมัติเงินอุดหนุนจำนวนรวม 3,000 ล้านบาท

โดยรถที่เข้าข่ายได้รับเงินอุดหนุนต้องมีราคาแนะนำจำหน่าย คันละไม่เกิน 2 ล้านบาท ได้รับเงินอุดหนุน 70,000 ถึง 150,000 บาทต่อคัน ตามเงื่อนไขที่กำหนด

ทำให้ราคาขายรถอีวีที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ในกลุ่มที่มาจากแดนมังกรถูกปรับลดลงจนแทบจะใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยอดจอง ยอดขาย เพิ่มขึ้นถล่มทลาย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจ

แต่บนความน่าดีใจนั้นยังมีสิ่งที่ต้องติดตามว่าจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด ไม่ว่าจะเรื่องมาตรการเงินอุดหนุนที่กำลังจะหมดเวลาลงในเดือนก.ย.ปีนี้จะต่อหรือไม่ และต่อแบบไหน อย่างไร ให้ไม่เชือดเฉือนน้ำใจผู้มาก่อน กล้าเปิดตลาดให้เกิดขึ้นจริง

รวมถึงเงินอุดหนุนที่สนับสนุนการเป็นเจ้าของรถอีวีที่ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จากตัวเลขยอดจดทะเบียนรถอีวี ครึ่งปีของปี 2566 นี้ พบว่ามีมากกว่า 30,000 คันเข้าไปแล้ว








Advertisement

คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์โดยรวม จากเมื่อปีที่แล้วทั้งปีมีสัดส่วนอยู่ที่ไม่ถึง 3% เลยด้วยซ้ำ

คิดเร็วๆ คำนวณง่ายๆ ไม่ต้องลงรายละเอียดว่าแต่ละคันได้เท่าไหร่ เอาเป็นตัวเลขกลมๆ เฉลี่ยได้รับเงินอุดหนุนคันละ 100,000 บาท เท่ากับว่ายอดเงินอุดหนุนทะลุจำนวน 3,000 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล้วจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ทุกฝ่ายต่างเฝ้าจับตา ค่ายรถอีวีเองจะออกลูกไหน หากขายในราคาเดิมเท่ากับที่ได้รับการอุดหนุนน่าจะเกิดอาการไม่แน่ใจ ด้วยเพราะไม่มีหลักประกันว่าจะได้เงินอุดหนุนอีกหรือไม่

ต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่ ว่าจะให้ความสำคัญและมองเห็นถึงความจำเป็นในการสานต่อมาตรการหรือไม่ แต่เท่าที่ดูอยู่ ณ ปัจจุบัน แค่เลือกนายกรัฐมนตรียังยากกว่า เข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก

ไม่ต้องพูดถึงการตั้งคณะรัฐมนตรี ที่เชื่อได้เลยว่าฝุ่นตลบราวกับพายุเฮอริเคนเพิ่งผ่านไปอย่างไงอย่างงั้นกันเลยทีเดียว

ครั้นจะขึ้นราคาให้กลับไปอยู่ที่ราคาจริง หลายรุ่นต้องปรับขึ้นไปอีก 150,000 บาท ถือว่าไม่น้อย เก็บไว้ใช้เป็นค่าชาร์จไฟ ค่าซ่อมบำรุง ได้ตลอดอายุการใช้งานกันเลยทีเดียว

อาจทำให้ยอดจอง ยอดขาย ยอดจดทะเบียนรถอีวีที่กำลังวิ่งปรู๊ด ต้องเบรกเอี๊ยดกันจนหัวทิ่มหัวตำอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะลูกค้าจะชะลอการตัดสินใจ ทั้งเพื่อรอดูว่าจะต่อมาตรการเดิมหรือไม่ หรือจะมีมาตรการใหม่อะไรที่น่าสนใจ

และที่แน่ๆ เชื่อว่าหลายคนคงทำใจไม่ได้ หากจะต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อนที่ซื้อไปก่อนหน้าเรา

หรือจะเป็นกับดักที่ทำให้ยอดขายรถอีวีในบ้านเราติดหล่ม จนคลายความร้อนแรงและไปไม่ถึงฝั่งฝัน

เหมือนอย่างที่ใครหลายคนวาดไว้อย่างสวยหรู

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน