นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กรณีให้ลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วย จาก 4.45 บาทต่อหน่วยตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอคงต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐบาลเข้ามา สนับสนุนช่วยเหลือ เนื่องจาก กกพ.ไม่มีงบประมาณ ซึ่งประเมินว่าการลดค่าไฟฟ้าลง 1 สตางค์ต้องใช้งบประมาณโดยเฉลี่ย 500-600 ล้านบาท หากจะลดค่าไฟ 20 สตางค์ ต้องใช้งบประมาณราว 15,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องรอรัฐบาลใหม่ และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณา

ขณะที่ค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปีนี้จะลดยาก เพราะสถานการณ์ปลายปี ราคาก๊าซธรรมชาติ โดยตลาด LNG จะราคาขึ้น ถ้าจะเปลี่ยนโครงสร้าง เปลี่ยนวิธีการคำนวณพลังงาน คงต้องใช้เวลาและอำนาจรัฐเข้ามาช่วยตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจว่าถ้าจะทำต้องมีกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นที่อาจต้องใช้เวลา รวมถึงการพิจารณาต้นทุนที่เกี่ยวข้องจึงต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดแรกของปี 2567 จะสามารถลดลงได้มากกว่านี้หรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น ปัญหาภัยแล้ง เนื่องจาก กฟผ.ได้แจ้ง กกพ.ว่าปริมาณน้ำในเขื่อน ที่ สปป.ลาว ลดน้อยลง จะส่งผล ต่อการผลิตไฟฟ้าที่ กฟผ. ซื้อไฟฟ้าพลังงานน้ำส่งมายังไทยก็ อาจทำให้การผลิตไฟฟ้าต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเข้ามาทดแทน ขณะที่ถ่านหินราคาสูงขึ้นเทียบเท่าราคาก๊าซ หรือราคาสูงกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน