ความทุกข์ทั้งมวลเกิดเพราะการยึด ยึดที่ใจ หากทำใจให้สบายรู้จัก ปล่อยวางทุกข์ได้ก็จะทำให้ใจเป็นสุข พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ แสดงธรรมบนเวทีธรรมบรรยาย “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ในหัวข้อ “ปล่อยวางได้ ใจเป็นสุข” เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

พระอาจารย์ไพศาลกล่าวว่า พวกเราทุกคนล้วนมีฝาแฝดติดตามเราอยู่ตลอดทุกหนทุกแห่ง นั้นก็คือกายกับใจ แต่ฝาแฝดคู่นี้ มีความพิเศษ เพราะว่าแม้จะเป็นฝาแฝดกัน แต่ว่าธรรมชาติและคุณลักษณะแตกต่างกันอย่างมากคือ กายมีน้ำหนัก กินเนื้อที่ สามารถวัดได้เป็นกิโลกรัม หรือวัดความสูงเป็นเซนติเมตร แต่ใจไม่มีน้ำหนัก ไม่กินเนื้อที่ ไม่สามารถวัดได้ และนี่คือความแตกต่าง ที่เห็นได้ชัด แต่ว่ากายกับใจก็อยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกัน กายมีนิสัยอย่างหนึ่งคือ ไม่ชอบขยับเขยื้อน จึงเกิดปัญหาเป็นโรค ในยุคสมัยใหม่คือ โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ ถ้าจะให้กายมีสุขภาพดีต้อง ขยับ แต่ใจนั้นตรงข้ามกับกายคือ ไม่ชอบอยู่ กับที่ หลายคนจึงพบว่าการฝึกสมาธิให้จิตใจสงบเป็นเรื่องยาก แต่จำเป็นต้องทำ เพราะว่าถ้าเราฝึกใจให้สงบ ใจก็จะมีความสุข และนี่คือความแตกต่างที่เรียกว่าตรงกันข้าม

ประการต่อมาคือ กายนั้นไม่ชอบแบกของ โดยเฉพาะของหนัก แต่ว่าการที่ร่างกายแบกของหนักนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นเวลาออกกำลังกายสิ่งหนึ่งเวลาที่เขาทำก็คือการยกเวต เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ส่วนใจนั้นชอบแบก แบกทุกอย่างที่เป็นปัญหา ถ้าจะฝึกใจนั้นต้องทำสิ่งตรงข้ามกับกาย คือให้ใจรู้จักวาง ใจยิ่งวาง เท่าไหร่หรือวางบ่อยเท่าไหร่ ถึงจะมีกำลัง ต่างจากกายที่ต้องแบกเยอะๆ ถึงจะมีกำลัง แต่ใจนี่ต้องวางบ่อยๆ วางเรื่อยๆ ถึงจะมีกำลัง และมีความปกติสุข เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจของผู้คน ถ้าจะให้สรุปคือเพราะแบก ความทุกข์ใจทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นเพราะแบก

ท่านเล่าถึงพระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนนางกีสาโคตมี ที่สูญเสียลูก แล้วทำใจไม่ได้ เลยอุ้มศพลูกให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ ก็เลยแนะนำให้มาหาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าออกอุบายว่าให้นางกีสาโคตมีไปหาเมล็ด ผักกาดจากบ้านที่ไม่มีคนตาย กีสาโคตมี หาเมล็ดผักกาดจากทุกบ้านได้หมด แต่พอถามว่ามีคนตายมั้ย ทุกคนก็ตอบว่ามีคนตายทั้งนั้น ทีละน้อยๆ เธอก็เริ่มยอมรับความตายของลูกได้ ไม่คิดจะให้ใครมาช่วยปลุกให้ฟื้น พอยอมรับได้ก็เอาศพลูกไปฝังที่ป่าช้า และกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรม และมีข้อธรรมสั้นๆ 2 ประโยคน่าสนใจ

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า “มฤตยูย่อมพัดพาผู้ที่หลงใหลในรูปในทรัพย์ เช่นเดียวกับน้ำป่าที่พัดพาผู้ที่หลับใหลไปเช่นนั้น น้ำป่านี่จะพัดพาคนได้ก็ต่อเมื่อคนนั้นหลับใหล มฤตยูเนี่ยจะพัดพาผู้คนไปสู่ความทุกข์ได้ต่อเมื่อผู้นั้นหลงใหลหรือยึดติดในรูปในทรัพย์ หมายความต่อไปว่าถ้าไม่หลงใหลยึดติดในรูปในทรัพย์ มฤตยูก็ไม่สามารถพัดพาไปสู่ความทุกข์ได้” นางกีสาโคตมีพิจารณาด้วยความที่ตัวเองพบความสูญเสียมากับตัว พอได้ฟังจิตก็พลิกเลย จิตหลุดพ้นเพราะเกิดปัญญา เห็นได้ว่าทุกข์นี้ไม่ได้เกิดจากความสูญเสีย แต่ทุกข์เกิดจากความ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่สูญเสียไป ถ้าไม่ยึดมั่นในสิ่งนั้นก็ไม่ทุกข์ นางกีสาโคตมีได้เป็น พระโสดาบันในบัดนั้น

พระอาจารย์ได้สรุปว่า เมื่อมีทุกข์เกิดขึ้น ให้รู้ทุกข์อย่าเป็นทุกข์ และนี่คือเคล็ดลับว่า เมื่อมันเกิดขึ้นก็ให้มีสติรู้ทัน เพราะรู้แล้วมันก็จะวาง เป็นการปล่อยวางอย่างหนึ่ง หลวงพ่อเสถียร ท่านสอนไว้ว่า “รู้สื่อๆ รู้โดย ไม่ผลักไส รู้โดยไม่ไหลตาม” เมื่อรู้อารมณ์แล้วจิตมันปรุงแต่ง ก็ให้รู้ทัน เพราะถ้าเราทำได้ เราก็จะพบกับความสุขได้โดยไม่ยาก

สำหรับโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่ เซเว่นฯ” ซีพี ออลล์ จัดขึ้นเป็นประจำต่อเนื่องมากว่า 27 ปี ซึ่งในแต่ละเดือนจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศนาธรรมะ 3 สัปดาห์ และ 1 สัปดาห์ เป็นฆราวาสมาแบ่งปันข้อคิด ในการนำธรรมะมาใช้ในการดำรงชีวิต ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00-13.30 น. ผ่าน ช่องทาง Facebook fanpage CPALL

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่องทางเดียวกัน พร้อมรับฟังคติธรรมดีๆ ใน ช่องทาง TikTok ได้ที่ ธรรมะ TikTok

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน