เปิดตัวกันไปตั้งแต่งานอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว กับ เจ้านิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่นย่อยใหม่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่นัยว่า อัพลุกส์ให้สดใสไฉไลขึ้น หวังจับกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนรุ่นใหม่

แต่กว่าจะได้ทดสอบกันผ่านไปนานพอสมควร ด้วยเพราะต้องเร่งส่งมอบลูกค้าก่อน ล่าสุดมีรถพร้อม ทีมงานประชาสัมพันธ์ นำโดย กมลชนก เจริญจินดารัตน์ พีอาร์หนุ่มไม่รอช้า จัดทริปทดสอบกันในทันที

เส้นทางกรุงเทพฯ-จ.เพชรบูรณ์ แต่ละคันขับกัน 3 สื่อ ก่อนออกเดินทางแนะนำเส้นทางและตัวรถว่ามีอะไรปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเข้าไปบ้าง

กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ กันชนหน้ามาพร้อมกรอบไฟตัดหมอกดีไซน์เท่ เพิ่มความดุดัน ไฟหน้า Quad LED 4 ดวง ดีไซน์ชุดโคมไฟเพรียวบาง แลดูปราดเปรียว ไฟท้ายลดความสูง เพิ่มความกว้าง ไฟ LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกแบบ LED

นอกจากนี้ ยังมีชุดตกแต่ง แผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ กระจกมองข้าง มือจับประตู ราวหลังคา คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ และบันไดข้างสีดำ เพิ่มความดุดันขึ้นไปอีกขั้น

เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมคิ้ว และแผงประตูท้ายสีดำ บ่งบอกชื่อรุ่นด้วยสัญลักษณ์ Sport ที่ด้านหลัง

เข้าไปด้านใน เน้นโทนสีดำ เรียบหรูดูสุขุม พวงมาลัยท้ายตัดหุ้มหนัง มัลติฟังก์ชัน หน้าจอกลางแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ แบบไร้สาย และแอนดรอยด์ ออโต

ติดตั้งระบบนำทาง และยังใช้เป็นหน้าจอแสดงภาพจากกล้องมองรอบทิศทาง มีที่ชาร์จแบบไร้สายที่คอนโซลหน้า ขณะที่ที่เสียบชาร์จแบบ USB-A มี 3 จุด และ USB-C มี 2 จุด

หัวเกียร์หุ้มหน้า มีโหมดแมนวลให้ใช้งาน ใกล้ๆ กันเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้าและปุ่มปลดล็อกเบาะนั่งแถวสองที่จะเด้งขึ้นเพื่อเปิดทางให้เข้าไปยังที่นั่งแถวสามได้อย่างสบายด้วยการกดเพียงครั้งเดียว

เบาะนั่งหนัง และวัสดุสังเคราะห์ ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

‘ข่าวสด ยานยนต์’ อาสาขับทดสอบรวดเดียวขาไป แล้วให้กระจอกข่าวสาวอีก 2 คนผลัดเวรกันขากลับ กดปุ่มสตาร์ต เสียงเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ แทรกเข้ามาในห้องโดยสารเบาๆ

กำลังที่เรียกมาใช้ช่วงตีนต้น ไม่ถึงกับ จี๊ดจ๊าด แต่ใช่ว่าจะอืดอาดยืดยาด แม้จะรูปร่างใหญ่โตและน้ำหนักเยอะอยู่พอสมควร เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ทำงานได้ราบเรียบ ไร้รอยต่อ

เข้า ถ.กาญจนาภิเษก เริ่มทำความเร็วได้ เข็มไมล์ไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ปรู๊ดปร๊าด แต่ก็มาอย่างสม่ำเสมอและไหลลื่น 150-160-170 ก.ม.ต่อช.ม. ไปกันได้แบบชิลชิล

ตัดเข้าถ.พหลโยธิน ก่อนแยกไปยังเส้นทางมุ่งหน้าจ.เพชรบูรณ์ แม้จะมี 3 เลน และเป็นช่วงสายๆ วันธรรมดา แต่เพื่อนร่วมทางยังหนาตาอยู่ไม่ใช่น้อย

ต้องคอยซิกแซ็ก หาช่องทางอยู่เนืองๆ กำลังเครื่องยนต์ที่เรียกมาใช้งานได้สูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที จังหวะลอยตัวเร่งแซงได้สบายมือ

แต่หากต้องการใช้กำลังแบบปัจจุบัน ทันด่วนด้วยการคิกดาวน์เหมือนเครื่องยนต์ต้องคิดแว้บหนึ่ง ประมาณ 2-3 วินาที ไม่ใช่มาแบบตามน้ำหนักเท้า

ถ้าต้องแซงแบบกระชั้นชิด ถนนสอง เลนสวน แนะนำให้เผื่อไว้สักหน่อยหรือไม่ ให้ปรับไปใช้เกียร์แมนวล บวก-ลบ เรียกกำลังมาใช้งานได้ทันใจกว่า

และโหมดนี้ยังเหมาะกับการใช้งานเวลาขึ้นทางชันและคดโค้ง ที่ต้องปรับแต่งเกียร์ให้เหมาะกับสภาพถนนอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะบนเส้นทางขึ้นเขาค้อมุ่งสู่ทุ่งกังหันลม ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร

ระหว่างทางมีสายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย เพิ่มความมั่นใจ ปรับใช้โหมดขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4H ช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น

ก่อนถึงจุดหมายปลายทางเจอกับทางดินที่ลักษณะเละเป็นโคลน มีรอยล้อที่ลื่นไถลของรถคันก่อนหน้า ตัดสินใจปรับไปเป็นโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4L

พร้อมกับปล่อยให้รถไหลไปข้างหน้าแบบไม่ต้องแตะคันเร่ง หรือที่เรียกว่าวอล์กกิ้ง สปีด คอยเติมคันเร่ง เมื่อกำลังลดลง ไม่รีบร้อนค่อยๆ ไป ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย ไปตามทิศทางที่ต้องการได้แบบแทบไม่มีอาการท้ายดิ้นให้ได้รู้สึก

ส่วนสนนราคาค่าตัวของเจ้านิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต อยู่ที่ 1.555 ล้านบาท คุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ แวะไปพิสูจน์ได้ที่ โชว์รูม นิสสัน ทั่วประเทศ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน