คณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายการบังคับใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 1 เดือน
โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินจัดแนวทางการดำเนินการให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น และสภาความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นผู้ให้รายละเอียดต่างๆ ต่อไป
ขณะที่โฆษกรัฐบาลแถลงถึงการขยายบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า จะดำเนินไปในทิศทางที่ผ่อนคลาย และเอื้อต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น
การขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 1 เดือน ถือว่าน้อยกว่ารัฐบาลชุดก่อนที่เห็นชอบขยายครั้งละ 3 เดือน
นับตั้งแต่เหตุการณ์บุกปล้นปืนในค่ายทหารที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 จุดปะทุไฟใต้รอบใหม่นี้กินระยะเวลายาวนานเกือบ 20 ปี
หลายรัฐบาลทุ่มงบประมาณ รวมจนถึงขณะนี้กว่า 5 แสนล้านบาท ตลอดจนกำลังพลเจ้าหน้าที่ความมั่นคงลงไปในพื้นที่ความขัดแย้ง แต่วงจรความรุนแรงยังไม่มีทีท่าจบลงง่ายๆ
โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาลชุดก่อน ภายใต้การทหารนำการเมืองเข้มข้นตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น และหลายเหตุการณ์ยกระดับความรุนแรง
แม้จัดตั้งคณะพูดคุยสันติสุข แต่ก็ยังไม่เปิดกว้างและครอบคลุมเท่าที่ควร บรรยากาศไม่ผ่อนคลาย
ช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา หลายพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลต่างก็ชูนโยบายแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
ขณะนี้ สส.ฝ่ายค้าน ตลอดจนภาคประชาสังคมในพื้นที่เริ่มเรียกร้องให้รัฐบาลนำปัญหาไฟใต้เป็นวาระแห่งชาติ หรือปรับโครงสร้างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ไม่อยู่ในกรอบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
รวมถึงการที่มีพลเรือนเป็นรัฐมนตรีกลาโหม มีรัฐมนตรียุติธรรมที่ยึดโยงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ หลายฝ่ายจึงหวังรัฐบาลจะยึดหลักการเมืองนำการทหาร อำนวยความยุติธรรมได้อย่างสอดคล้องกับสภาพสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้คนอันหลากหลายในพื้นที่
ดังนั้น จุดเริ่มต้นขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยลดเหลือครั้งละ 1 เดือน หวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น อันจะนำไปสู่การยกเลิกอย่างถาวร