รัฐบาลเศรษฐา เดินหน้ามาตรการด้านเศรษฐกิจ เน้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้ประชาชน

บางมาตรการทำได้ทันที เช่น ลดค่าไฟ ตรึงราคาดีเซล บางมาตรการก็จะไปผลิดอกออกผลช่วงปีใหม่ หรือต้นปีหน้า เช่น ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศ ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทนำร่อง 2 สาย สีม่วงกับสีแดง และที่หลายคนเฝ้ารอคือนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท

ด้านการเมือง นอกจากทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ และการแก้กฎหมายอำนวยความยุติธรรมให้ผู้สูญเสียจากการใช้กำลังสลายการชุมนุม

ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำ นปช.คนเสื้อแดง เสนอประเด็นสำคัญด้านการเมือง และรัฐบาลควรพิจารณาเร่งด่วนอีกเรื่อง

คือการปลดพันธนาการคดีความทางการเมืองให้คนทุกฝ่ายที่เห็นต่าง และเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาวนับพันราย

ในจำนวนนี้หลายคนมีคดีติดตัวเกิน 20 คดี ข้อเสนอต่อรัฐบาลคือ ให้นิรโทษกรรมทุกคน ทุกข้อกล่าวหา ยกเว้นกรณีความผิดถึงแก่ชีวิต แนวทางนี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ สร้างสังคมที่คนเห็นต่างอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

มีคณะกรรมการพิจารณาการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ร้ายกัน

เมื่อรัฐบาลตั้งขึ้นโดยพรรคการเมืองที่ยืนขั้วตรงข้ามกันมาตลอด ก็น่าจะร่วมกันใช้โอกาสและเงื่อนไขทางการเมืองนี้ ทำให้คนทุกขั้วพ้นสถานะผู้ต้องหา กลับมายืนในฐานะประชาชน ตั้งต้นสร้างสังคมประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญที่ชอบธรรม

“ลูกหลานที่ยังติดคุกจะได้ออกมา ที่อดอาหารอยู่ในคุกจะได้คืนสู่อิสระ ที่ลี้ภัยต่างแดนจะได้กลับบ้าน” นายณัฐวุฒิระบุ

ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ปี 2563-2566 มีเยาวชนถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมือง ทั้งสิ้นอย่างน้อย 286 ราย ใน 215 คดี

มีเยาวชนถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 20 รายใน 23 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดีที่อยู่ในศาลชั้นต้น 8 คดี ศาลอุทธรณ์ 3 คดี สิ้นสุดแล้ว 4 คดี

โดยคดีที่สิ้นสุดเยาวชนยอมเข้ากระบวนการใช้มาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา ตามพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน