วันที่ 24 ก.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์ถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าว่า อ่านข่าวทำนองว่านายปิยบุตรจะไม่วิจารณ์การเมืองแล้ว แต่จะไปเขียนหนังสือและทำงานวิชาการที่ถนัด “ผมเสียดาย แม้บางเรื่องผมกับท่านมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ความเห็นหลายเรื่องของท่านน่าสนใจ ผมเห็นคนเข้าไปแสดงความเห็นในเฟซบุ๊กของ อ.ปิยบุตร เห็นแล้วก็ตกใจและผมก็เริ่มไม่เข้าใจประชาชนที่วิจารณ์ท่านเหมือนกัน นานมาแล้วตอนท่านเข้าการเมืองใหม่ๆ ผมเคย debate กับท่าน สัญชาตญาณบอกผมว่าท่านคือดาวรุ่งดวงใหม่ของการเมมืองไทย”

ในฐานะที่ผ่านการเมืองมาก่อนยาวนาน น่าจะรู้จักโลกที่เป็นจริงและโลกเสมือนจริงมากกว่า แอบหวั่นว่านายปิยบุตรจะเดินไปไม่ถึงปลายทาง สุดท้ายสิ่งที่หวั่นก็เป็นจริง อย่างที่เคยเขียนหลายครั้งว่าอุดมการณ์เมื่อเดินมาถึงปลายทาง บางครั้งมันก็เหลือเพียงแต่ซาก ตนกวาดหนังสือการปฏิวัติฝรั่งเศสมาอ่านทุกเล่ม ทั้งที่เป็นภาษาไทยและฝรั่งเศสให้คนอ่านและแปลให้ฟังเพื่อจะมาโต้แย้ง เมื่อนายปิยบุตรไม่แสดงความเห็นทางการเมืองจึงคืนหนังสือนั้นไปหมดแล้ว สังคมไหนที่ไม่ปกป้องคนที่เห็นต่างแน่นอนว่าสังคมนั้นคือสังคมเผด็จการ คนไทยสูญเสียความสามารถในการรับฟังซึ่งกันและกันไปอย่างสิ้นเชิง ประชาธิปไตยที่อาจารย์หวังจึงเหี่ยวเฉาก่อนจะเบิกบาน เราสร้างสังคมให้อยู่ในกลุ่มปิดที่สื่อสารและรับฟังกันเฉพาะคนในกลุ่มเดียวกัน ตามความเห็นของแคสส์ ซันสไตน์ แห่งม.ฮาร์วาร์ด ที่เรียกว่าห้องเสียงสะท้อน (echo chamber)

“ผมตระหนักถึงเรื่องนี้จึงเดินออกจากประชาธิปไตย (เพียวๆ) มาสมาทานเป็นนักเสรีนิยมประชาธิปไตยไม่ยุ่งกับสังคมที่เป็นอยู่ในห้องเสียงสะท้อน ผมจึงไม่ยุ่งกับรัฐและรัฐก็อย่ามายุ่งกับผม ผมเพียงเห็นว่าสังคมนี้ควรจะมี อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล โลดแล่นให้ความเห็นในวงการเมือง ถ้าทบทวนได้ผมอยากให้ทบทวน เพราะถ้าอาจารย์หยุดผมก็คงเฉาเพราะไม่รู้จะเถียงกับใครเพื่อให้เกิดปัญญา ผมไม่ใช่ด้อมส้ม” นายนิพิฏฐ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน