พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตตินธโร) เจ้าคณะภาค 14 และเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ในฐานะผู้แทนมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช” โดยมีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนิยม เวชกามา ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ร่วมในพิธี เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2566 ณ หอประชุมพุทธมณฑล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

มีพระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธีดังกล่าวกว่า 1,000 รูป/คน

พิธีดังกล่าวจัดขึ้นตามมติมหาเถรสมาคม ในการประชุมครั้งที่ 25/2566 มติที่ 717/2566 เรื่อง การจัดกิจกรรมพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช” เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่เห็นชอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช” ในวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 โดยมีพระธรรมวชิรานุวัตร ผู้แทนมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต และมหาเถรสมาคม ยังเห็นชอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด ประสานเจ้าคณะจังหวัด เพื่อพิจารณาคัดเลือกวัด เป็นศูนย์กลางในการจัดพิธี สวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช” โดยให้วัดทุกวัดในราชอาณาจักร จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาหลังจากทำวัตรเย็น รวมถึงให้วัดไทยในต่างประเทศจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาตามความเหมาะสม

นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า ด้วยวันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า “สัตตมวรรษ” เพื่อเป็น การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ว่า วันนวมินทรมหาราช

รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชน กาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมี ทั่วราชอาณาจักร ต่างประจักษ์ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่ได้ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกาย และกำลังพระสติปัญญา ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงพสกนิกร โครงการในพระราชดำริน้อยใหญ่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ

โอกาสนี้ ขอให้ทุกคนน้อมนำแนวทางพระราชดำริที่ได้พระราชทานไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่ และดำรงตนเพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติสืบไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน