นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เลขานุการนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายนิยม เวชกามา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรี, นายณพลเดช มณีลังกา และคณะทีมที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุมกับ นายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง เมื่อ เร็วๆ นี้ ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.นครปฐม
นางสุภาภรณ์กล่าวว่า “รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายนโยบายให้คณะที่ปรึกษา พร้อมอีกหลายท่าน ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งทีมที่ปรึกษาเหล่านี้ ท่านสมัครใจเลือกมาทำงานที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ”
“รัฐมนตรีมีนโยบายเร่งด่วน 7 เรื่อง ที่ต้องการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาขับเคลื่อน คือ 1.การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคณะสงฆ์ 2.การพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน เรื่องที่ดินวัด การขอตั้งวัด การพัฒนาวัดร้าง ปัญหาที่ดินวัด ตอนนี้มีประมาณ 10 วัดที่ยื่นขอให้สำนักนายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขปัญหา 3.เรื่องศาสนสมบัติกลาง 4.โรงเรียนพระปริยัติธรรม ทำอย่างไรให้ได้งบประมาณเร็วที่สุดอันนี้รวมถึงงบประมาณของครูสอนนักธรรม และบาลี ด้วย 5.บัตรสมาร์ตการ์ดเพื่อป้องกันพระปลอม ซึ่งอนาคตจะมีการยกเลิกใบสุทธิทั้งหมด และอาจนำร่องในเมืองใหญ่ก่อน 6.การขับเคลื่อนพระคิลานุปัฏฐาก เนื่องจากปัจจุบันวัดหลายแห่งมีพระสงฆ์อาพาธ แต่ท่านยังขาดการดูแลขั้นพื้นฐาน รวมทั้งคณะสงฆ์เองก็ต้องปรับตัวรองรับเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย ตรงนี้อนาคตจะมีการทำงานร่วมกันกับกระทรวง สาธารณสุข และ 7.เงินนิตยภัต ทั้ง 7 เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐมนตรีสั่งการมาให้คณะที่ปรึกษามาปรึกษาหารือกับผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ”
นางสุภาภรณ์กล่าวต่อว่า รมต.ประจำสำนักนายกฯ มีแนวทางว่ามีวาระเร่งด่วนจะเป็นการให้สำนักพุทธฯ ทำงานเชิงรุกการพัฒนาโรงเรียนสังกัดโรงเรียน ปริยัติธรรม และให้เพิ่มจำนวนของพระ ที่ปัจจุบันมีแต่จะลดลง จะพัฒนาสมาร์ต การ์ดเพื่อป้องกันพระปลอม และยกเลิกบัตรสุทธิที่เป็นบัตรที่ใช้ในอดีต การแก้ปัญหาการร้องเรียน สามารถสืบค้นแสดงตัวตนสัญชาติ รวมทั้งประวัติพระสงฆ์ได้ โดยขอแนวคิดและผ่านมติมหาเถรสมาคม รวมทั้งหลักเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม มีแนวคิดดูแลพระที่อาพาธ โดยทำโครงการ First care โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขโดยให้พระภิกษุสามเณรที่แข็งแรงให้ดูแลพระภิกษุอาพาธ โดยเข้าหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก และดูแลพระผู้ป่วย เป็นไปตามหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การได้อุปัฏฐากดูแลพระภิกษุอาพาธถือเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงอุปัฏฐากภิกษุป่วยไข้เถิด” ทั้งนี้จะมีการแก้ปัญหาที่ดินของพระสงฆ์ทั่วประเทศรวมทั้งการพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ด้านนายเพชรวรรตกล่าวว่า “วันนี้พวกเราตั้งใจมาทำงานร่วมกันกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทุกคนตั้งใจมา เพราะต้องการแก้ไขปัญหาให้กับคณะสงฆ์โดยเฉพาะปัญหาที่ดินวัด ตอนที่เป็นกรรมาธิการการศาสนา อยู่นั้นมีปัญหามาก ตรงนี้ต้องเร่ง รวมทั้งนโยบายเร่งด่วนที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านกำชับมาคือเรื่องบัตรสมาร์ตการ์ดและเรื่องพระคิลานุปัฏฐาก”
“อย่างที่เลขานุการรัฐมนตรีกล่าวไว้ พวกเรามานี้ขอรัฐมนตรีท่านเองว่า ทีม ที่ปรึกษาชุดนี้ขอมาทำงาน ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่เลือกไปที่ไหน เพราะอยากทำงานตรงนี้ และมาอยู่ มาทำงานร่วมกับพวกท่าน อย่าคิดว่าพวกเรามากดดัน พวกเราฝ่ายการเมือง ต้องพึ่งคนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเจ้าของงาน พวกท่านมีข้อมูลมากกว่า มีความรู้มากกว่า พวกเราแค่มาเพิ่มเติมเสริมงานของคณะสงฆ์ให้ไปมันเดินได้เร็วยิ่งขึ้น ตามนโยบายของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี”
ส่วนนายอินทพรกล่าวปิดท้ายว่า “รู้สึกดีใจที่ทีมที่ปรึกษารัฐมนตรีให้ความสนใจเรื่องกิจการคณะสงฆ์ กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งหลายท่านก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ทำงานสบายใจ และทุกเรื่องที่กล่าวมาซึ่งเป็นนโยบายของท่านรัฐมนตรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหยิบขึ้นมาต่อ ยอดได้เลย ไม่ลำบากอะไร ต่อจากนี้จะมอบให้แต่ละกองแบ่งกันทำงานตามภาระหน้าที่ เช่น เรื่อง บัตรสมาร์ตการ์ดสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ทำอยู่แล้ว ตอนนี้ทำเรื่องขอข้อมูลกับกรมการปกครอง ไม่นานคงพร้อม และอนาคตหากพระท่านมี บัตรสมาร์ตการ์ดสิทธิผลประโยชน์ต่างๆ ก็ได้รับเหมือนกับพลเมืองไทยทั่วไป หรือแม้กระทั้งเรื่องเงินนิตยภัต ตอนนี้ก็ให้สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม เตรียมข้อมูลไว้แล้วเช่นกัน พระคิลานุปัฏฐาก มอบให้กองพุทธศาสนสถานดูแล ภายในวันจันทร์หน้าโครงสร้างงานที่พูดคุยกันในวันนี้จะส่งถึงทีมงานที่ปรึกษาทั้งหมด”