2 ด้าน-ปลดล็อกนกกรงหัวจุก

เรียน บ.ก.ข่าวสด

ในฐานะที่เลี้ยงนกกรงหัวจุกมาช้านาน กรมอุทยานฯ โปรดปลดล็อก นกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง ปัจจุบัน นกกรงหัวจุกในภาคใต้ที่เป็นธรรมชาติไม่ค่อยจะมีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการเพาะเลี้ยงกันเอง โดยผสมพันธุ์ระหว่างของภาคเหนือ ภาคกลาง อีสาน พม่า อินโดนีเซีย มาเลย์ แต่ละตัวก็ผสมกันหลายสายพันธุ์ นกแต่ละภาคก็จะมีคุณสมบัติเหมือนกัน จึงทำให้การจับนกจากธรรมชาติจะมีน้อย และใช้เวลา นาน 2-3 ปีกว่าจะเชื่อง ไม่เหมือนนกที่มาจากการเพาะเลี้ยง จะเชื่องไว 6 เดือนก็เชื่องและสามารถนำไปแข่งได้ มองว่า ถ้าปลดล็อกชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างที่หนึ่งคือผู้เพาะเลี้ยง นกขาย ชาวบ้านที่ปลูกกล้วยไม่ว่าจะกล้วยน้ำว้า หรือกล้วยหิน ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเพราะเป็นอาหารสำหรับนก นอกจากนี้ ยังมีหนอนนก ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง นกกรงหัวจุกจะเป็นนกที่ชาวบ้านธรรมดาก็สามารถจะเลี้ยงได้ ต่างจากนกเขาชวา ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงค่อนข้างมีฐานะเนื่องจากมีราคาสูง

ส่วนกรณีคนไปดักจับนกกรงหัวจุกในป่า ก็ควรจับมาลงโทษขั้นเด็ดขาด แต่ก็ควรมองถึงกลุ่มเพาะเลี้ยงที่ต้องการ ทำเรื่องขึ้นทะเบียนนกกรงหัวจุกให้ง่าย และสะดวกกว่าที่ผ่านมา สำหรับในพื้นที่จังหวัดสตูล มีสนามการแข่งขันเสียงนกกรงหัวจุก ที่ถูกต้องตามกฎหมายหลายสนาม นกทุกตัวได้ขึ้นทะเบียนตามที่อุทยานฯ กำหนด ถึงจะยุ่งยากในหลายๆ ขั้นตอน แต่ก็ได้ทำตามข้อกฎหมาย ส่วนการเรียกร้องในครั้งนี้ เรียกร้องเพื่อส่วนรวม มิใช่เป็นการเห็นแก่ตัวของกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกหรือผู้เลี้ยงแต่อย่างใด

ด้วยความเคารพ

ไสว

ตอบ คุณไสว

เป็นที่ถกเถียงกันมาก สำหรับข้อเสนอให้ปลดนกกรงหัวจุก หรือนกปรอดหัวโขน ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ในการจัดเวทีประชาพิจารณ์ล่าสุด มีเหตุผลทั้งสองด้านโต้แย้งกันจนยัง หาข้อสรุปไม่ได้ สำหรับเหตุผลที่คุณกล่าวมานั้น ก็น่ารับฟัง เป็นเหตุผลของผู้สนับสนุนให้แก้กฎหมาย แต่ขณะเดียวกัน ก็มีมุมมองของฝ่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ เขาก็มองว่า การออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง จะเป็นการส่งเสริมการล่าจับนก ซึ่งปัจจุบันยังมีสถิติการจับกุมผู้ลักลอบจับนกกรงหัวจุกจากป่าอยู่มาก








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน