กทม.2 ดินแดง – เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) โดยมีนายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากทม. เป็นประธานการประชุม สมัยประชุมสามัญ มี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คณะผู้บริหาร สก.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ สก.เขตทุ่งครุ เสนอญัตติ ขอให้กทม.จัดทำแนวทางปฏิบัติกรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) เนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนทั่วโลกต้องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และบริษัทผลิตรถยนต์ได้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เข้าสู่ตลาดเป็นทางเลือกในการซื้อรถยนต์มากขึ้นด้วย แต่เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นการใช้งาน ความรู้ความเข้าใจต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังมีไม่มาก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยจากการเกิดเพลิงไหม้ จากการใช้รถ ขณะชาร์จไฟ และจากอุบัติเหตุ

นายกิตติพงศ์กล่าวต่อว่า สาเหตุหลักเกิดจากแบตเตอรี่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งการดับเพลิงจะยากและใช้เวลานานกว่ารถยนต์สันดาป รวมทั้งสารเคมีจากแบตเตอรี่ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ประสบเหตุ และพนักงานดับเพลิงและยังตกค้างในสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้น กทม.ควรหาแนวทาง วิธีการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ใช้รถ หน่วยงานดับเพลิง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ต่อมา น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า สำนักป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ได้อบรมและฝึกเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกัน และเผชิญเหตุแล้ว ซึ่งจากสถิติเหตุเพลิงไหม้รถพลังงานไฟฟ้าพบว่าเพิ่มมากขึ้นจริง ถึงแม้จะน้อยกว่าเหตุเพลิงไหม้จากยานยนต์ประเภทอื่น แต่พบว่าต้องใช้ปริมาตรน้ำที่มากกว่าและดับยากกว่า มีสารเคมีและวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป กทม.จึงได้ประชุมหารือ ร่วมกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์และผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับแนวทางการกำกับมาตรฐาน กำหนดมาตรการความปลอดภัยจากการใช้รถแบตเตอรี่ไฟฟ้า และสถานีชาร์จไฟในพื้นที่กทม. ได้ข้อสรุปให้จัดตั้งคณะทำงาน 3 คณะ เพื่อดูแล 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องกฎหมาย มาตรฐาน ระเบียบ และแผนงานที่เกี่ยวข้อง 2.ด้านการเผชิญเหตุ และ3.ด้านข้อมูลและประชาสัมพันธ์

ด้านนายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผอ.สปภ. กล่าวว่า กทม.มีอุปกรณ์พร้อม และมีการอบรมเทคนิคในการดับเพลิงรถอีวี และบ้านเรือนที่ใช้ โซลาร์เซลล์ โดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โดยร่วมกันถอดบทเรียนจากที่เกิดเหตุเพื่อมานำมาแก้ไขจุดบกพร่อง ที่ผ่านมาพบว่ามีเหตุเพลิงไหม้บริษัทที่ใช้แบตเตอรี่ 2 แห่ง และสามารถดับเพลิงได้ดี แต่ใช้เวลานาน นอกจากนี้ สปภ.อยู่ระหว่างการจัดหารถกู้ภัย จำนวน 15 คัน และรถยกเพื่อย้ายรถอีวี เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน