แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างไม่ต้องลุ้นไม่ต้องคาด เพียงแค่คอการเมืองสงสัย ทักษิณ-พจมาน พร้อมให้ลูกสาวลงมาเสี่ยงอันตรายในสมรภูมิอำนาจแล้วหรือ

กระนั้นในทางกลับกัน ก็จำเป็นยิ่งยวดที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องนามสกุล “ชินวัตร” เพราะหลังแพ้เลือกตั้งครั้งแรก แล้วถูกประณามข้ามขั้วตระบัดสัตย์ แฟนคลับที่เหลือส่วนใหญ่คือคนรักทักษิณคนเชื่อฝีมือไทยรักไทย การปักหลักตั้งต้นใหม่ จึงเลี่ยงไม่ได้ต้อง DNA ชินวัตร

อย่าปฏิเสธเลยว่าไม่ได้เลือกเพราะนามสกุล เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องเงินหรือความเป็นเจ้าของพรรค มันเป็นเรื่องความรักความเชื่อมั่นที่มวลชนมอบให้ทักษิณ ความเป็นพรรคมวลชนของไทยรักไทยเพื่อไทยแยกไม่ออกจากความนิยมทักษิณ

ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่า “อิ๊ง” เป็นแค่หุ่นของพ่อ แม้ธรรมดาลูกต้องเกรงใจพ่อ ซึ่งมีอำนาจชี้ขาด แต่คนจำนวนมากก็เชื่อว่าเธอมีวุฒิภาวะ มีความเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งเคยเชียร์ให้ “ยึดมือถือพ่อ”

เธออาจมีประสบการณ์น้อย แต่ก็มีศักยภาพเป็นผู้นำ มีความเข้มแข็งมุ่งมั่น จากที่ครอบครัวถูกกระทำ 17 ปี คำพูดที่ว่า “ดูหน้าดิฉันไว้นะคะ …ใครจะอยากจับมือคนทำรัฐประหาร” จึงเป็นที่เชื่อถือ

น่าเสียดาย เพื่อไทยแหกโค้งข้ามขั้ว อิ๊งได้แต่กล้ำกลืน

พรรคเพื่อไทยภายใต้แพทองธาร ยังไม่ใช่การรีแบรนด์กลับมา “ยืนหนึ่ง” เพราะอนาคตเพื่อไทยไม่ได้อยู่ในกำมืออิ๊ง แต่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเศรษฐา ทั้งทางการเมือง ซึ่งเริ่มต้นด้วยต้นทุนติดลบ ทั้งทางเศรษฐกิจ ที่นโยบายเรือธงเงินหมื่นดิจิทัลกำลังยักแย่ยักยัน

มองข้ามช็อต พ้นรัฐบาลเศรษฐาไปแล้ว ก็จะถึงยุค “ใบไม้ร่วงหล่น” ขุนพลที่ร่วมก่อตั้งไทยรักไทย ผู้อาวุโสในปาร์ตี้ลิสต์ร่วมกึ่งหนึ่งถึงอายุขัย ขณะที่ “คนรุ่นใหม่” ในกรรมการบริหารพรรค ก็คือคนรุ่นลูก ไม่ใช่เลือดใหม่ แม้ทันสมัยกว่าพ่อแม่ ก็โดดเด่นไม่กี่ราย

ในสี่ปีนี้เพื่อไทยจึงต้อง Recruit คนมีความสามารถหลากหลายเข้าพรรค แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลงานและภาพลักษณ์รัฐบาลเศรษฐาเป็นอย่างไร

โดยส่วนตัว อิ๊งมีภาพที่คนรุ่นใหม่ยอมรับได้ แต่ไม่ใช่ตัวเลือกเมื่อเทียบกับก้าวไกล ยอมรับได้ คือมีลู่ทางให้ความเป็นมิตรได้ แต่ไม่เลือก ตราบใดที่ยังเห็นว่าก้าวไกลเป็นตัวแทนความหวัง ได้มากกว่า

เครดิตของพรรคเพื่อไทยคือ 22 ปีที่ผ่านมานับแต่ไทยรักไทย ประชาชนเชื่อถือในความสามารถผลักดันนโยบายที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง ที่อิ๊งกล่าวว่าเป็น DNA ของพรรค

แต่อีกด้านหนึ่ง 17 ปีที่ผ่านมา เพื่อไทยไม่ได้ชนะด้วยนโยบายปากท้องอย่างเดียว หากชูความเป็นผู้ถูกกระทำจากรัฐประหาร เป็นสัญลักษณ์ต่อสู้เผด็จการ

ซึ่งด้านนี้เสียหายไปแล้ว ไม่รู้จะฟื้นได้แค่ไหน ในการแก้รัฐธรรมนูญในการคืนเสรีภาพประชาธิปไตย ต่อให้เชื่อว่าพยายามก็ทำได้น้อยมาก เพราะเข้าไปสวามิภักดิ์อำนาจเสียแล้ว

ขณะที่ด้าน DNA ประชาธิปไตยกินได้ ก็เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ เงินหมื่นดิจิทัล

มีข้อสังเกตขำๆ ว่ารัฐบาลเศรษฐาตั้งอิ๊งเป็นรองประธานและประธานบริหารกรรมการซอฟต์เพาเวอร์ กรรมการยกระดับ 30 บาท แต่ไม่ยักเกี่ยวข้องเงินหมื่น เห็นชัดว่ากระดูกชิ้นใหญ่

นโยบายที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นจริง อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น ผ่านการศึกษาทดลองมาอย่างรอบคอบ ยังจำได้ว่าตอนแถลงนโยบาย หมอเลี้ยบตอบอภิสิทธิ์ได้ชัดเจนฉาดฉานประชาชนฟังแล้วอึ้งทึ่ง

ไม่เหมือนเงินหมื่นดิจิทัล จนบัดนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะเอาเงินจากไหน ใช้แอพอะไร ทั้งที่ตอนหาเสียงประกาศความฝันจะนำประเทศเข้าสู่ระบบการชำระเงินใหม่ด้วยเงินดิจิทัล บล็อกเชน

นี่คือเดิมพันความเชื่อมั่น DNA ไทยรักไทย ซึ่งเอาเข้าจริง ในการเลือกตั้ง 54 ก็ต้องถามว่าที่ชนะล้นหลาม “แดงทั้งแผ่นดิน” เหนืออีสาน นั้นเป็นเพราะจำนำข้าว หรือเพราะความโกรธแค้นที่มวลชนเสื้อแดงถูกปราบปรามปี 53 ถูกจับกุมคุมขังอย่าง อยุติธรรม

พรรคเพื่อไทยสูญเสียความเป็นผู้นำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เดิมพันครั้งใหญ่กับนโยบายแจกเงิน แล้วจะเหลืออะไรให้ แพทองธาร

ถ้าล้มเหลว เพื่อไทยคงไม่สูญพันธุ์หรอก แต่จะกลายเป็นพรรคธรรมดา อย่างที่อ้างกันว่า ทุกพรรคมาจากการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยธรรมดาๆ อย่าหวังอะไรมาก กลายเป็นพรรคขนาดกลางพรรคหนึ่งซึ่งมีคนนิยมในเหนืออีสาน ถ้ามีโอกาสตั้งรัฐบาลก็ไปทำ Subcontract กับกลุ่มนักการเมืองจังหวัดต่างๆ แลกเก้าอี้รัฐมนตรี

ความหวังเพื่อไทยคือทำให้คนเลือกก้าวไกลหมดความหวัง ว่าประเทศไทยเปลี่ยนได้แค่นี้แหละ ก้าวไกลมันโอเวอร์ เลือกพรรคที่ดูดีกว่าทั่วไปหน่อย อย่างเพื่อไทยดีกว่า

คอยดูว่าเพื่อไทยจะทำสำเร็จหรือไม่ ในขณะที่ทั้งเพื่อไทยแพทองธาร ยังต้องระวังปมทักษิณ จากนี้ไปจนพักโทษพ้นโทษจะจุดประเด็นการเมืองเพียงไร

ทักษิณยังเป็นประเด็นได้เสมอ แค่รอเวลาถูกจุดปะทุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน