“คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” สุภาษิตไทยโบราณที่ใช้ได้ทุกยุคสมัย ดูเหมาะกับเรื่องราวช่วงชีวิตของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อดีตนักแข่งรถจักรยานยนต์ที่กำลังรุ่ง อดีตสามีดาราสาว แพท ณปภา ตันตระกูล ที่จู่ๆ ก็เหมือนตกสวรรค์ ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ สิ้นอิสรภาพเข้าไปอยู่ในเรือนจำ

แม้เบนซ์จะต่อสู้คดีจนพ้นผิดในข้อหาค้ายา แต่ 6 ปีที่ต้องสูญเสียไปมันแลกกันไม่ได้เลย

เบนซ์กัับรถลััมโบร์กิินีี

ย้อนไทม์ไลน์คดีเบนซ์ เรซซิ่ง

วิบากกรรมของเบนซ์ เรซซิ่ง เริ่มขึ้นเมื่อ 19 ม.ค. 60 ภายหลัง พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติดขณะนั้น เปิดปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/1” ทลายขบวนการ ยาเสพติดข้ามชาติ จับกุม นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี ชาวลาว ราชายาเสพติดรายสำคัญ คาสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นตำรวจขยายผลจับ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย หนึ่งในเครือข่าย

นายบอยนี่เองที่ทำให้ชื่อของ เบนซ์ เรซซิ่ง โผล่ขึ้นมาในบัญชีดำของตำรวจ ปส. หลังให้การซัดทอดว่า ได้นำทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปไว้ที่เบนซ์

ตำรวจ ปส. เข้าค้น ร้านแอเรีย 51 ร้านแต่งรถบิ๊กไบก์ของเบนซ์ ยึดรถหรู ลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กทม. มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท, รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ เคทีเอ็ม รุ่นซูเปอร์ดุ๊ก, รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ติดป้ายทะเบียน และอาวุธปืน 2 กระบอก

เบนซ์เข้าพบตำรวจยอมรับว่า รู้จักกับบอย เพราะชอบเรื่องการแต่งรถบิ๊กไบก์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าบอยทำธุรกิจอะไร และยังรับว่ายืมเงินจากบอย 6 ล้านบาท มาซื้อรถลัมโบร์กินี ก่อนนำหลักฐานการกู้เงินและแหล่งที่มารายได้ทั้งหมดมาให้ตรวจสอบ

สุดท้ายตำรวจ ปส. ออกหมายเรียกเบนซ์ มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน

6 มี.ค. 60 เบนซ์ เข้ารับข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ก่อนถูกควบคุมตัวฝากขังศาลอาญา โดยเบนซ์ยื่นหลักฐาน 500,000 บาท ขอประกันตัว ผลการตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่า มีธุรกรรมทางการเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเงินที่นายบอยโอนให้เดือนละ 3 แสนบาททุกเดือน ซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน

กอดแม่หลังพ้นคุก

ศาลตัดสินคุก 36 ปีปรับ 3 ล้าน

7 ก.ย. 61 ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) พิพากษาจำคุก เบนซ์ 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบค้ายาเสพติด เจ้าตัวยื่นขออุทธรณ์ พร้อมวางหลักทรัพย์ 1,000,000 บาทประกันตัว ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขให้สวมกำไล EM และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ต่อมาปลายปี 2562 ศาลอนุญาตให้ปลดกำไลอีเอ็มได้ แต่ต้องรายงานตัวทุก 2 เดือนแทน ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 63 เป็นกำหนดนัดรายงานตัวต่อศาล แต่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ไม่ได้มารายงานตัว โดยอ้างว่า จำวันผิด เป็นวันที่ 25 มิ.ย. 63 แต่เช้าวันนั้นตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง จับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่งมี เบนซ์ เรซซิ่ง รวมอยู่ด้วย ขณะขับขี่รถบริเวณโรงแรมรามาการ์เด้นส์ ในช่องทางด่วนถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และผิด พ.ร.บ.จราจร จนศาลสั่งถอนประกัน ทำให้ ‘เบนซ์ เรซซิ่ง’ ต้องกลับเข้าคุกอีกครั้ง

11 ก.พ. 64 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาเพิ่มโทษเบนซ์ ในความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ฐานฟอกเงิน จำคุกรวม 36 ปี 8 เดือน ปรับ 3,333,333.33 บาท ส่วนจำเลยอีก 2 คน (สรรเสริญ-อังสุพร) จำคุกคนละ 22 ปี 6 เดือน 4 แสนบาท

เบนซ์ ต่อสู้ต่อในชั้นฎีกา ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนไม่ยื่นฎีกา

เบนซ์ เรซซิ่งพบตร.ปส.

ศาลฎีกาพิพากษาพ้นมลทิน

สิบโมงวันที่ 24 ต.ค. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดียาเสพติด หมายเลขดำ อย.2201/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 36 ปี, นายสรรเสริญ รสานนท์ หรือเน็ต อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี และน.ส.อังสุพร อินา หรืออุ้ม อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดน่าน สองสามีภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3,4,6,10,14 และพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,9,60

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คดีนี้พยานโจทก์จะมีรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงาน ปปง. เบิกความทำนองเดียวกันว่า นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นและเป็นผู้สนับสนุนการค้ายาเสพติดของกลาง แต่จำเลยคนอื่นในคดีนี้ ไม่ได้เบิกความอ้างถึงว่า นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิด หรือมีส่วนร่วมแต่อย่างใด ตามที่อัยการโจทก์ฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1

ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น พิพากษายกฟ้องข้อหานี้ ส่วนข้อหาร่วมกันฟอกเงินนั้น สิ้นสุดในชั้นศาลอุทธรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่พิพากษา จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน รวม 3 ปี 4 เดือน

ด้าน น.ส.สุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช มารดาของ เบนซ์ ที่มาฟังคำพิพากษา กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากจนพูดไม่ออก ที่ผ่านมาเสียใจที่ลูกชายมาติดคุก แต่ตอนนี้ลูกชายติดคุกครบแล้ว ดังนั้นจะไปรับลูกชายที่เรือนจำ

ล็็อกคาสนามบิินสุุวรรณภููมิิ

เปิดใจหลังออกจากเรือนจำ

19.30 น. วันที่ 24 ต.ค. เบนซ์ถูกปล่อยตัวออกจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง กรุงเทพมหานคร โดยมีมารดาไปรอรับ ทั้งสองโผกอดกันด้วยความดีใจ เบนซ์เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ยืนหยัดต่อสู้คดีมา นอกจากอิสรภาพที่สูญเสียไปแล้ว มีอีกหลายอย่างที่สูญเสียไป อันดับแรก สูญเสียทั้งเงิน เสียเวลาในการต่อสู้คดี สำหรับคนที่ต่อสู้คดีอยู่ได้ด้วยความหวัง เราหวังมาตลอดว่าจะได้ประกันตัว เราจะต้องชนะคดี แล้วเราก็ต้องเสียเงินไปกับคนที่ไม่หวังดีเข้ามาหลอกเราในการต่อสู้คดี ประการต่อมา ต้องเสียทั้งชื่อเสียง เสียความน่าเชื่อถือ

เบนซ์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่มีข่าวเข้ามาว่าเราเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายค้ายาเสพติด การไปคบค้าสมาคมกับใคร ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือไม่กล้าทำธุรกิจร่วมกัน เกรงว่าจะมีความเชื่อมโยงไปกับเราด้วยแต่ตนเข้าใจว่าไม่สามารถจะไปเปลี่ยนใจใครได้ แต่วันนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอให้เคารพคำตัดสินของศาลด้วย ประการสุดท้าย ตนอยากถามว่าจะมีหน่วยงานไหนที่จะสามารถมาชดใช้ในสิ่งที่ตนสูญเสียไปได้ไหม สิ่งนี้เป็นแผลในใจตนมาตลอดระยะเวลา 6 ปี

สิ่งที่ตนสูญเสียไปคือการสูญเสียโอกาสในการเลี้ยงดูน้องเรซซิ่ง ลูกชายคนเดียว ผมไม่มีโอกาสที่จะสอนลูกเดิน สอนลูกวิ่งหรือปั่นจักรยาน ไม่เคยมีโอกาสสอนให้เรียกพ่อด้วยซ้ำ ตนเข้าใจดีว่าสิ่งที่ตนสูญเสียไปเป็นสิ่งที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ และไม่มีใครทำให้ตนย้อนเวลากลับไปได้ ในส่วนของคดีความขอให้จบสิ้นเพียงเท่านี้ และตนจะได้กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

หลังได้รับอิสรภาพ เบนซ์ออกมาเปิดใจในรายการของ นิกกี้ ณฉัตร กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมเผยสาเหตุที่เลือกออกรายการของนิกกี้ ว่าเพราะตอนที่อยู่ข้างใน ช่องของนิกกี้คนดูเยอะมาก เป็นช่องอันดับ 1 ในเรือนจำ ก็เลยคุยกับเพื่อนตั้งแต่อยู่ข้างในว่า เดี๋ยวถ้าได้ออกไป จะติดต่อมาหานิกกี้เลย

เมื่อถามว่า เป็นนักแข่งรถอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มีคดี เบนซ์เล่าว่า ถ้าย้อนกลับไปเมื่อตอนปี 59 ช่วงนั้นชีวิตเหมือนกำลังขาขึ้น มีเรื่องงาน แข่งรถ ครอบครัว แต่งงาน มีลูก ทุกอย่างครบ จากนั้นมาเหมือนตกสวรรค์ กลายเป็นมีคดีความขึ้นมา จากข่าวที่เขาชอบพูดกัน เรื่องเครือข่ายไซซะนะ ซึ่งตนเองก็เพิ่งรู้จักไซซะนะ จากข่าวที่ออกมา ตนเองก็นั่งดูข่าวก็สงสัยอยู่ว่านี่ใคร คนก็รู้จักข่าวว่า เบนซ์เป็นเครือข่ายไซซะนะ

ตอนนั้นถามว่า เจ็บมั้ย มันเหนื่อยที่จะอธิบาย การที่มาพูดแบบนี้ คนคิดว่าแก้ตัวรึเปล่า แต่เราก็พูดไปไม่ได้อะไร จริงๆ อยากจะบอกว่าที่สื่อนำเสนอไป มันไม่ใช่ความจริงเลย เรื่องที่สื่อออกไปว่า ไซซะนะเชื่อมโยงรถหรู ลัมโบร์กินี ในเอกสารทั้งหมด 4,000-5,000 แผ่น เราอ่านครบทุกแผ่น ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีชื่อของไซซะนะ แก้วพิมพา เลย แต่อันนี้ไม่ได้โทษสื่อนะ ว่าเขาออกข่าวมาแกล้งเรารึเปล่า คืออาจจะได้ข้อมูลมาแบบนั้น

ตัวที่เชื่อมโยงกับตนคือ นายบอย นาคคำ เป็นเครือข่ายของ ไซซะนะแล้ว ไซซะนะเอาลัมโบร์กินีมาฝากกับบอย เผื่อเวลาเขามาเที่ยวเมืองไทยก็เอาไปรับ เอาไปใช้ ความเป็นจริงคือ ผมก็ขายรถคันเก่าแล้วไปดาวน์ จัดไฟแนนซ์ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับไซซะนะเอารถมาฝาก

จัับไซซะนะ แก้วพิมพา

ทั้งหมดทั้งมวลเลยจุดที่มันเชื่อมต่อจริงๆ คือเส้นทางการเงิน ที่คนมาซื้อขายรถกับเรา แต่เขาไปโดนจับเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วเงินที่โอนไปเป็นเงินค้ายาเสพติด

ที่โดนจับเพราะผมเข้าไปให้ปากคำ อธิบายการซื้อขายรถ การจัดไฟแนนซ์ จนทางนั้นเขามีข้อมูลมีความเชื่อมโยง และมีองค์ประกอบแล้วว่ามีความเชื่อมโยงความผิด ถามว่ายอดเงินเยอะมั้ย ก็เป็นหลักล้าน แต่มันมีการโอนเงินมาแล้ว 2-3 ปีก่อน ส่วนอีกคดีที่โดนคือ ฟอกเงิน ซึ่งปฏิเสธทั้งหมด ตอนแรกก็สู้คดี แต่โดนจับเพราะมันครบองค์ประกอบแล้ว

จากนั้นชีวิตเหมือนตกสวรรค์ เรากำลังดีทุกอย่าง ทั้งงาน แข่งรถ มีสปอนเซอร์เข้า สุดท้ายเขาก็หายไปหมดไม่มีใครอยากยุ่ง โดน โซเชี่ยลด่าเละ สุดท้ายสู้คดีมา 6 ปี มันทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มองสัจธรรมความจริง โลกในโซเชี่ยลมันก็คือโลกในนั้น ชีวิตจริงก็ส่วนชีวิตจริง

พอมีคดีมา ทุกคนตัดสินเราไปก่อนแล้ว ศาลจะตัดสินยังไงไม่รู้ เราก็ถูกคนตัดสินไปแล้วว่าเกี่ยวกับยาเสพติดแน่ๆ คนก็ด่าๆ มาตลอด จนตอนนี้สู้คดีจนชนะ ก็อาจจะมีคนที่ยินดีกับเรา และคนที่ไม่ชอบเราอยู่ดี แต่สุดท้ายก็อยากให้เคารพการตัดสินของศาลครับ เพราะว่าคดีนี้มันถึงที่สุดแล้ว

เรื่องราวของเบนซ์ เรซซิ่งครั้งนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายคนได้ฉุกคิด ทุกธุรกิจทุกเงินทองต้องรอบคอบ ต้องหาคำตอบว่ามีเบื้องหน้า เบื้องหลังเช่นไร

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน