แม้พรรคก้าวไกลจะมีมติขับ 2 สส.จากข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ แต่แน่นอนเรื่องนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนที่คู่ต่อสู้ต้องหยิบขึ้นมาดิสเครดิตได้ในอนาคต

พรรคก้าวไกลมีมาตรการอย่างไรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียง เรียกความเชื่อมั่น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ เปิดใจคุยถึงเรื่องดังกล่าว

การคุกคามทางเพศไม่ว่าในรูปแบบใดถือเป็นความผิดร้ายแรงและยอมรับไม่ได้ แม้ทราบดีอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อพรรค แต่ยืนยันไม่สร้างวัฒนธรรมปกปิดและปกป้องคนผิด และจะลงโทษเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ยืนยันเราดำเนินการไม่ล่าช้า เมื่อได้รับเรื่องอาจ เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ กรรมการวินัยเร่งติดต่อบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายทันที รวมถึงยืนหยัดว่าเรื่องดังกล่าวพรรคเอาจริงเอาจัง

ส่วนที่สังคมมองว่าล่าช้านั้นเนื่องจากเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ยืนยันมีกรอบเวลาดำเนินการอย่างชัดเจน ไม่ชักช้า สิ่งสำคัญต้องเอาผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางที่จะให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกปลอดภัย จึงพิจารณาความสะดวก ความพร้อมใจของผู้เสียหายที่จะให้ข้อมูลเป็นหลัก เมื่อมีการติดต่อมาจากผู้เสียหาย แต่ถูกติดตามจากสื่อมวลชนรวมถึงบุคคลทั่วไปทำให้ผู้เสียหายกังวลใจและหยุดการติดต่อทำให้เวลาทอดยาว

ยืนยันตั้งแต่รับเรื่องจนพิจารณาเสร็จสิ้นยังอยู่ในกรอบเวลา กรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ใช้เวลา 1 เดือนพิจารณา และหลายครั้งไม่สามารถเร่งรัดให้ผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและไม่ระมัดระวังได้

การกอบกู้ชื่อเสียงพรรคจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ในอนาคตพรรคจะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุกคามและการล่วงละเมิดทางเพศ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ท่าทีต่อการดำเนินการเป็นไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ล่าช้า เอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น








Advertisement

การพิจารณาเรื่องดังกล่าวมีกรรมการ 2 ชุด คือ กรรมการวินัยพรรคที่แต่งตั้งจากที่ประชุมและหัวหน้าพรรค เพื่อพิจารณาเรื่องวินัย รวบรวมพยานหลักฐาน แสวงหาข้อเท็จจริง พิจารณาข้อกล่าวหาและลงโทษตามข้อบังคับและระเบียบพรรค

และคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ ที่ตนเป็นประธาน ประกอบไปด้วยคนในพรรค คนนอกพรรคที่มีความรู้ มีทักษะ เชี่ยวชาญรวมถึงมีประสบการณ์ ส่วนนี้แน่นอนในอนาคตคงต้องสร้างกลไกการตระหนักรู้ให้มากยิ่งขึ้น

ยกระดับความเข้าใจของคนในองค์กร ทุกองคาพยพในพรรค ให้สอดคล้องคุณค่าหลักซึ่งเป็นจุดที่พรรคยึดถือมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ เราต้องการเห็นการยุติความรุนแรงทางเพศ

อนาคตจะไม่เพียงยกระดับการป้องกันแก้ปัญหาในพรรค แต่จะเป็นจุดเริ่มการยกระดับความเข้าใจเรื่องนี้ในระดับการเมือง มาตรฐานภาพรวมสังคมไทยไปพร้อมๆ กัน

ซึ่งแยกจากกรรมการวินัยพรรคที่ไม่สามารถมีสัดส่วนบุคคลภายนอกได้ คณะทำงานจะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานของกรรมการวินัย เพราะคณะทำงานสามารถไปขอความเห็น จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อนำเสนอกรรมการวินัยที่จะพิจารณาข้อร้องเรียนต่างๆ ได้

คณะทำงานชุดนี้จะทำหน้าที่ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเราจะประกาศนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการคุกคามทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศในองค์กรให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น

จะจัดให้มีกลไกการรับเรื่องร้องเรียนกรณีการคุกคามทางเพศ ให้เป็นกลไกที่เข้าถึงง่าย มีความปลอดภัยและถือเอาผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางในการพิจารณา รวมถึงกำหนด ขั้นตอนและวิธีการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนที่มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น

รวมถึงมีกรอบเวลาดำเนินการโดยไม่ชักช้า เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับทุกคนและประชาชนทุกคนว่าเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเราจะมีท่าทีที่รับมือทันท่วงทีและระมัดระวังกับเรื่องนี้ และหลังจากนี้จะมีแนวทางเยียวยา ผู้เสียหายและมีมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดที่ชัดเจนต่อไปอย่างไร

ในส่วนที่สำคัญมากเรื่องนี้ควรมีมาตรการคุ้มครองผู้เสียหาย ผู้แจ้งเหตุ รวมถึงพยาน เพราะในหลายๆการแถลงมีการให้ข้อมูลที่ไปละเมิดซ้ำผู้เสียหาย โดยการนำข้อมูลออกมาเปิดเผย รวมถึงไปละเมิดพยาน

ดังนั้น ในอนาคตคงมีมาตรการคุ้มครอง ผู้เสียหายให้มากกว่านี้ รวมถึงมีมาตรการ เชิงรุกในการป้องกัน ไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในองค์กรที่เราอยู่และสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมเพิ่มมากขึ้น

ในฐานะที่อยู่ในองค์กรนิติบัญญัติและในฐานะพรรคการเมือง สิ่งที่สำคัญที่ได้จากการตั้งคณะทำงานคือการตกผลึก ถึงการมี นโยบายที่ปลอดภัยเรื่องการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ และต้องผลักดันการออกกฎหมายเฉพาะด้านเพื่อจัดการกับปัญหาการคุกคามทางเพศ และมีการกำหนดบทลงโทษผู้กระทำความผิด มีมาตรการเยียวยาผู้เสียหาย และมีการคุ้มครองทางกฎหมายที่ชัดเจน

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคจะกระทบไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น อาจคาดการณ์ได้ว่าหลังมีวิธีการรับมือที่ทันท่วงที ซึ่งพรรคจะมีการฝึกอบรมสร้างความตระหนักรู้ความเท่าเทียมทางเพศให้บุคลากรทุกคน รวมไปถึงการเลือกตั้งในทุกระดับ เพื่อทำความเข้าใจกับทุกสถานการณ์อย่างจริงจัง

เมื่อเรามีการทำงานในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น ช่วยเข้าไปทำความเข้าใจกับคนในพรรคทุกระดับ คิดว่าผลกระทบเรื่องนี้จะลดลงเพราะเราทำงานเชิงรุกไปก่อน สร้างความเข้าใจกับทุกคนก่อนจะมาเป็นผู้สมัครในอนาคต

และในเรื่องของการคัดกรองบุคลากรจะเข้มข้นในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผลกระทบต่อพรรคอาจลดลงในอนาคต

ซึ่งมีการพูดคุยกันในพรรค และเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่พรรคต้องเร่งดำเนินการ แก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการทบทวนกระบวนการร้องเรียนของพรรคในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงเป็นวาระของสังคมที่ก้าวไกลรวมถึงพรรคอื่นๆ ต้องร่วมกันผลักดันและถูกตรวจสอบในมาตรฐานที่เสมอและเท่าเทียมกัน

ซึ่งจะเป็นการยกเครื่อง ยกระเบียบการทำงานของทุกพรรคให้เด็ดขาดมากขึ้นและทำให้มาตรฐานของทุกพรรคมเสมอภาคมากยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องที่ตัวเองถูกพาดพิงขอชี้แจงเป็น 2 ส่วน กรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกถอดถอน เกิดจากข้อเท็จจริงที่พรรคพิจารณาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ข้อกล่าวอ้างผู้ช่วยสส.มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์ก็เป็นคนเรื่องและต้องพิจารณาแยกกัน ไม่สามารถกลบเกลื่อนข้อเท็จจริงที่ว่านายวุฒิพงศ์มีพฤติการณ์คุกคามทางเพศได้

นายวุฒิพงศ์ ร้องผู้ช่วยสส.มาภายหลังมีผู้มาร้องกรณีคุกคามทางเพศในเดือนก.ค. เมื่อนายวุฒิพงศ์ทราบเรื่อง เดือนส.ค.ก็เข้ามาร้องว่าผู้ช่วยสส.มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์การซื้อขายที่ดิน

ยืนยันอีกครั้งการแต่งตั้งผู้ช่วยสส. ไม่ได้เกิดจากความสัมพันธ์หรือรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เป็นไปตามพรรคเสนอเพราะเป็นคณะทำงาน จ.ปราจีนบุรีที่ทำงานกับพรรคอย่างแข็งขัน และประสงค์เข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยลาออกจากการเป็นผู้ช่วยสส.แล้ว

ที่กล่าวหาว่าตนมีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีอคติกับการตัดสินนายวุฒิพงศ์ ในฐานะกก.บห.ภาคตะวันออก ไม่เคยมีอคติ หรือปัญหากับนายวุฒิพงศ์มาก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน