รัฐบาลเศรษฐาทำงานมาถึงหลัก 100 วัน ช่วงเวลาพอดีกับจังหวะเปลี่ยนศักราชก้าวสู่ปีที่ 2

เสถียรภาพของรัฐบาล 314 เสียง ถือว่ามั่นคงเพียงพอจนคาดการณ์ล่วงหน้า ผ่านหลัก 6 เดือนได้แน่

เกือบๆ 100 วันที่ผ่านมา นายกนิดสวมบทผู้นำมืออ่อนไหว้สวย มีสัมพันธ์อันดีกับครม.และพรรคร่วม แต่ก็โชว์ศาสตร์และศิลป์ ‘สไตล์นิด’ เป็นระยะๆ

ใช้คำว่า ‘รับไม่ได้’ ค่าไฟฟ้าอัตราใหม่ต้นปีหน้าพุ่งสูงถึง 4.68 บาท จนรมว.พลังงานที่มาจากพรรคร่วม-รวมไทยสร้างชาติ ต้องรีบดึงกลับไปทบทวนใหม่

แสดงอาการ ‘ไม่เข้าใจ-ไม่สบายใจ’ ปรับค่าแรงขั้นต่ำ บางจังหวัดขึ้นแค่ 2 บาท ซื้อไข่ยังไม่ได้เลย จนรมว.แรงงานที่มาจากพรรคร่วม-ภูมิใจไทย ต้องถอนเรื่องออกจากวาระครม.

ขณะที่หน่วยราชการ ระดับ ‘อธิบดี’ และ ‘ผู้ว่าการ’ หลายคนน่าจะรู้ตัวว่าโดนนายกฯ ตามจี้บี้งาน

บางคนถึงขั้นเอ่ยชื่อบอกข้อบกพร่องต่อสาธารณะ?!

สไตล์การทำงานแบบนี้ ถ้าถึงเวลาต้องตัดสินใจก็พร้อม ‘ปรับเปลี่ยนคน’ เพื่อให้งานดีขึ้น ประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อรัฐบาลทำงานไปถึง 6 เดือน น่าสนใจว่าจะปรับคน เปลี่ยนงาน หรือไม่? อย่างไร?

ทั้งในส่วนของการเมือง และราชการ?!

งานการเมือง ครม.เศรษฐาเก้าอี้รมต.ยังว่างอยู่ 2 ที่นั่ง ถือเป็นเครื่องมือ ในคู่มือบริหารอำนาจของรัฐบาล เพื่อไทย

จะตั้งเพิ่ม 2 รมต.ให้ครบ หรือจะปรับครม.สูตรเล็กสูตรใหญ่ได้ทั้งนั้น

มองมาข้างสนาม พรรคประชา ธิปัตย์ยุค ‘หัวหน้าต่อ-เลขาชาย’ แต่งหน้าทาปาก 21 สส.ในคาถา ชะม้อยชะม้ายชายตาหวานๆ

ช่วยเพิ่มหนทางรัฐบาลเพื่อไทยได้เลือก นายกเศรษฐาได้เล่น

ด้วยองค์ประกอบทั้งหลาย สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ เหมือนบังคับรัฐมนตรีต้องมุ่งมั่นทำผลงาน ขับเคลื่อนนโยบาย กระตุกกระตุ้นข้าราชการทุ่มเทเอาใจใส่ต่อหน้าที่

เมื่อรัฐบาลเข้มแข็ง การเมืองนิ่ง มีเสถียรภาพ ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็ประเทศชาติประชาชน

นายเจ็ดอักษร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน