พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า จากที่มีการร้องเรียนเรื่องคุณภาพสัญญาณและราคาค่าบริการ จากกลุ่มองค์กรผู้บริโภค หลังการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค ทำให้มีปัญหา เรื่องค่าบริการแพงขึ้น และคุณภาพสัญญาณแย่ลงนั้น หลังควบรวมบริษัทมีการดำเนินการตามมาตรการและเงื่อนไขเรื่องเดียว คือ การตั้งคณะกรรมการหรือว่าจ้างที่ปรึกษามาประเมินเรื่องราคาและคุณภาพ ซึ่งได้ขยายระยะเวลาอายุของกรรมการชุดนี้แล้ว

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการกสทช. กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องค่าบริการ ตามเงื่อนไขที่จะต้องลดลง 12% ให้ได้ภายใน 90 วัน กสทช. ได้ติดตามการดำเนินกิจการแล้ว พบว่า ได้ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ยังได้สุ่มตรวจความเร็วของอินเตอร์เน็ตในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ 77 จังหวัด พบว่า คุณภาพการให้บริการไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

ส่วนเรื่องของคุณภาพสัญญาณ ไม่เสถียรและล่มบ่อย เกิดจากการเคลื่อนย้ายจุดรับส่งสัญญาณ (Cell Site) ไปยังที่มีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า ส่งผลให้ในบางพื้นที่จึงทำให้สัญญาณการให้บริการไม่เสถียรบางช่วงเวลา ซึ่งเรื่องนี้ กสทช. ได้ตำหนิไปยังทรูและดีแทคแล้ว ว่าก่อนที่จะเคลื่อนย้าย Cell Site ต้องมีการแจ้งผู้บริโภคให้รับทราบล่วงหน้าก่อน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องจัดทำแผนการเคลื่อนย้ายทั้งหมดส่งมาให้ที่กสทช. รับทราบด้วย

“หลังการควบรวมสำนักงานกสทช.ไม่ได้เพิกเฉย มีหน้าที่ต้องดูแลการแข่งขันให้เกิดความเป็นธรรม”

อย่างไรก็ตามจากการติดตามปัญหาร้องเรียนกว่า 600 เรื่องตามที่เป็นข่าว พบว่า มีเพียง 17 เรื่อง ที่เป็นปัญหาด้านคุณภาพสัญญาณ ที่เหลือเป็นปัญหาเกี่ยวกับการได้รับข้อความสั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน