เอเอฟพีและบีบีซีรายงานวันที่ 21 ธ.ค. ว่า สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) แถลงว่าอิสราเอลสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซ่า และว่าอิสราเอลเปิดเผยแผนที่ซึ่งครอบคลุมประมาณร้อยละ 20 ของเมืองข่าน ยูนิส ที่ถูกทำเครื่องหมายให้อพยพก่อนจะเริ่มปฏิบัติการโจมตีปราบปรามกองกำลังฮามาส โดยพื้นที่ดังกล่าวมีศูนย์พักพิง 32 แห่งสำหรับ ผู้พลัดถิ่นภายในมากกว่า 140,000 คน

กองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันพุธที่ 20 ธ.ค. ว่า “ปฏิบัติการภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือได้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายหลายสิบแห่ง” และตั้งแต่กองกำลังฮามาสเปิดฉากถล่มอิสราเอลคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ราว 1,140 ราย เมื่อ 7 ต.ค. จนเป็นเหตุให้อิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีดุเดือดมากว่า 2 เดือน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขภายใต้การปกครองของฮามาสระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าเสียชีวิตอย่างน้อย 20,000 ราย เฉลี่ยเกือบ 300 รายต่อวัน นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มปะทุขึ้น โดยยกเว้นช่วงที่มีการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว 7 วัน

ด้านนายริชาร์ด เบรนแนน ผู้อำนวยการเหตุฉุกเฉินระดับภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้ ความน่าเชื่อถือ ศาสตราจารย์ไมเคิล สปากัต ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุความขัดแย้งทั่วโลกกล่าวว่า อัตราการสังหาร ในสงครามอิสราเอล-ฮามาส “มากเป็นพิเศษ” และว่าความสูญเสียของสงครามฉนวนกาซ่าที่ยืดเยื้อต่อเนื่องย้อนกลับไปในปี 2551 หรือกว่า 15 ปีก่อน ยังไม่เท่ากับสงครามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งในแง่ตัวเลขผู้เสียชีวิตและการสังหารแบบไม่เลือกหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน