นโยบาย เร่งด่วน นโยบาย แก้รัฐธรรมนูญ ในแบบ เร่งทำช้าๆ
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
นโยบายเร่งด่วนนโยบายแก้รัฐธรรมนูญในแบบเร่งทำช้าๆ – มีคำเตือนนานมาแล้วว่า บรรทัดฐานวัดความเป็นจริงของพรรคการเมือง หรือนักการเมืองจะดูจากคำแถลง หรือคำประกาศเพียงอย่างเดียวไม่ได้
ต้องดูจากการปฏิบัติที่เป็นจริง
กรณีที่จะพิสูจน์ภายในอีกไม่นานของพรรคการเมืองและของนักการเมืองกรณีหนึ่งคือ คำประกาศที่ว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์
หากดูคำแถลงของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หากดูคำแถลงของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ล้วนยืนยัน ตรงกันว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเขียนไว้ ในนโยบายของรัฐบาล
กระนั้น ความสงสัยหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในสังคมและกำลังรุกเร้าสอบถามความนัยทั้งจากพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ
เขียนเอาไว้อย่างเป็นนโยบายเร่งด่วน หรือว่าไม่มีกำหนด
“ในนโยบายเขียนไว้ว่าสนับสนุนซึ่งทุกคนยอมรับโดยสนับสนุนให้มีการแก้ไข ในทุกกฎหมายแก้ไขได้แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา ก็แก้ไขกันไปเมื่อไรก็เมื่อนั้น อยู่ที่จะทำเร็วหรือทำช้า”
นี่เป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เมื่อประสานเข้ากับคำพูดของ นายนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า “ใครจะเป็นเจ้าภาพนั้นยังไม่ได้หารือ” ก็พอจะมองเห็นเด่นชัดขึ้น
ความเด่นชัดในที่นี้จึงน่าจะเป็นการดำเนินไปในลักษณะ “เรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่” มากกว่า
ทำให้นึกถึงบทเพลง เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน
คงจำกันได้ว่าบทเพลงนี้กระหึ่มตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และก็ค่อยๆ เงียบหายไปเมื่อมีการเลื่อนการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า
จนถึงเดือนมีนาคม 2562 จึงได้เลือกตั้งอย่างเป็นจริง
ในเมื่อนายกรัฐมนตรีก็ระบุ “แก้ไขกันไป เมื่อไรก็เมื่อนั้น” ในเมื่อคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยืนยันว่า “ใครจะเป็นเจ้าภาพนั้นยังไม่ได้หารือ”
สรุปก็คือ แม้จะบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ยังสับสนและไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ถามว่าแต่ละคำพูดเชื่อได้มากเพียงใด
หากดูจากคำมั่นสัญญาของคสช. เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ประสานเข้ากับท่วงทำนองซึ่ง “ดีแต่พูด” ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงมีคำตอบ
คำตอบว่าคงจะมีการละเลง “คำพูด” ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการลงมือทำ