อ่าน การเมือง ผ่านลีลา ประชาธิปัตย์ กรณี รัฐธรรมนูญ
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตอันเนื่องจากการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตอันเนื่องจากสถานการณ์แจกกล้วยให้ลิง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตอันเนื่องจาก เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์
พรรคประชาธิปัตย์สุขุมอย่างยิ่ง
เห็นได้จากการกันตัวออกจากมีส่วนร่วมในกระบวนการญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ
เพราะถือว่าเป็นงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง
เห็นได้จากการเฝ้าดูสถานการณ์แจกกล้วยให้กับบรรดาลิงแห่ง 10 พรรคขนาดเล็กอย่างนักสังเกตการณ์ รวมทั้งกันตัวเองออกจากภาวะลิงแก้แหเพราะ เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์
ตรงกันข้าม มติในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คือการเดินหน้ายื่นญัตติเสนอจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาและหาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป็นการเสนอตามแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตลอดจน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะยืนยันว่าเรื่องรัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน
แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเดินหน้าไปตามปกติ
ทั้งยังแถลงเชิญชวนให้ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นด้วยกับการเสนอขอ “เลื่อน” ญัตติให้มีผลโดยพื้นฐานก่อนการ ปิดสมัยประชุมสภาสามัญในวันที่ 18 กันยายนอีกด้วย
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ไม่เพียงแต่จังหวะก้าวของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของนโยบาย 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
หากแต่ยังสอดรับกับทิศทางของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
พลันที่สามารถ “เลื่อน” วาระให้เร็วขึ้นมาได้นั่นหมายความว่าจะได้เห็นภาพความร่วมมือกันระหว่าง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์
ท่ามกลางเสียงคัดค้านของพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาทันที
ในสถานการณ์ที่เริ่มมีพรรคเล็กเริ่มปฏิเสธการเป็นลิงกินกล้วยเช่นนี้โอกาสที่พรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคประชาธิปัตย์จะเลื่อนญัตติขึ้นมาได้มีสูงเป็นอย่างสูงยิ่ง
จังหวะก้าวของพรรคประชาธิปัตย์ต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นจังหวะก้าวที่บรรดาเกจิในทางการเมืองให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษ
เพราะเท่ากับเป็นการตรวจสอบ “อุณหภูมิ” ทางการเมือง
สะท้อนให้เห็นถึงจุดพลิกผัน จุดแห่งความไม่แน่นอน ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในรัฐบาลและระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาลอันแหลมคมและอ่อนไหวยิ่ง
เท่ากับเป็นดัชนีชี้ภาวะ “ขาลง” ขึ้นมาอย่างเด่นชัด
