วิเคราะห์การเมือง : ชัยชนะ รัฐบาลทิ้งบาดแผล ให้ปรากฏ ชัยชนะ ที่กินตัว
ชัยชนะ รัฐบาลทิ้งบาดแผล : หากถือว่าการสามารถคว่ำญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญทบทวน ศึกษาผลกระทบประกาศและคำสั่งคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ลงได้
เป็นความสำเร็จ เป็นชัยชนะ
ชัยชนะที่ได้มาก็ทุลักทุเลระดับหนึ่ง เห็นได้จากภาวะ “สภาล่ม” 2 หนติดต่อกัน ความสำเร็จที่ได้มาก็พร้อยไปด้วยรอยแห่ง “บาดแผล”
เป็นบาดแผลทางการเมืองอันเนื่องแต่ “งูเห่า”
ความลิงโลดของบางคนในพรรคพลังประชารัฐเป็นความลิงโลดที่น่ากังขา ในเมื่อ 10 งูเห่าที่ได้มาต้องใช้พลัง “หูฉลาม” ในเมื่อ 10 งูเห่าที่ได้มาต้องสวนกับคำว่า “ปฏิรูป” อย่างดำกับขาว
ลองย้อนกลับไปดูบทบาทของคสช.ในรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กังวานเสียงจากบทเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า”
เท่ากับเป็นการถอดมาจากคำขวัญซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับมาตรการ “ชัตดาวน์” กทม. ชัตดาวน์ การเลือกตั้งจากสมองก้อนโตของ “กปปส.”
นั่นก็คือ “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง”
นี่ล้วนเป็นคำมั่นสัญญาอันไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย จะต้องแบกรับอย่างเต็มพิกัด
ทําไมจึงมองว่าชัยชนะและความสำเร็จของรัฐบาลโดยเฉพาะของพรรคพลังประชารัฐเป็นชัยชนะที่ดำเนินไปอย่างทุลักทุเล และมากไปด้วยรอยแผลในทางการเมือง
เพราะว่าฟอร์ม “รัฐประหาร” เป็นฟอร์มใหญ่ ฟอร์มโต
เริ่มจากดูหมิ่นดูแคลนนักการเมือง เริ่มจากแสดงความรังเกียจนักการเมืองน้ำเน่า แล้วที่สุมรวมอยู่ในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างไร เป็นนักการเมือง “น้ำดี” กระนั้นหรือ
แล้วที่สุมรวมกันเป็น “รัฐบาล” ดำรงอยู่อย่างไร
พลันที่ปรากฏเงาร่าง 10 งูเห่าโดยพื้นฐาน พลันที่มีการเชื้อเชิญพรรคของ “งูเห่า” เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาล ทุกอย่างก็ล่อนจ้อนเปล่าเปลือย ณ เบื้องหน้าประชาชน
ในระยะสั้น ระยะเฉพาะหน้ารัฐบาลสามารถ “คว่ำญัตติ” ลงได้ แต่ในระยะยาวชัยชนะและความสำเร็จนี้จะดำเนินไปในลักษณะ “กินตัว”
เพราะ “โฉมหน้า” ที่ซ่อนเร้นอยู่ได้ “ปรากฏ”
ชาวบ้านเริ่มรู้แล้วว่า ชัยชนะและความสำเร็จอันรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลได้มาไม่ได้เป็นชัยชนะอันขาวสะอาด ตรงกันข้าม กับมากด้วยเหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย
ความรู้สึกนี้จะค่อยๆ สะสมและค่อยๆ กินตัวไปเป็นลำดับ