ทลายความกลัว ออกมาทำการ “วิ่งไล่ลุง” จาก 12 มกราคม
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ทลายความกลัวออกมาทำการ “วิ่งไล่ลุง” : จํานวนคน “เรือนหมื่น” อาจแลดูไม่มากหากเทียบกับจำนวน “เรือนล้าน” และเรือน “หลายล้าน” ในขอบเขตทั่วประเทศ
แต่เมื่อพิจารณาภาพที่ “สวนรถไฟ” อย่างสังเคราะห์
อย่าลืมเป็นอันขาดว่ากว่ากิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” จะสามารถจัดได้อย่างที่เห็นผ่านการไลฟ์และถ่ายทอดทั้งสื่อออนไลน์และสื่อโทรทัศน์
น้องๆ ต้องหนักหนาสาหัสแค่ไหน
ไม่เพียงถูกบีบไม่ให้จัด หากแม้กระทั่งจะแถลงข่าวก็ถูกสกัด ขัดขวาง รุกไล่ตั้งแต่สถานที่แถลงข่าว สถานที่จัดวิ่ง จากคนในเครื่องแบบ
อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดาที่มีความคิดในการจัดเลย แม้กระทั่งบางคนซึ่งเป็น ส.ส. ก็ยังถูกกดดันและคุกคามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ระดับจ่า ระดับนายร้อย
คำถามก็คือ หากไม่ได้รับ “คำสั่ง” อันโยงยาวไปถึงระดับสูง เจ้าหน้าที่ระดับจ่า ระดับนายร้อยจะหาญกล้าดับเครื่องชนกับ ส.ส.หรือไม่
ถึงแม้จะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านก็เถอะ
หากไม่มีการปะทะและขัดแย้งก่อนสถานการณ์ในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม สภาพการณ์คงไม่บานปลายออกมาอึกทึกครึกโครมระดับนี้
นอกเหนือจากสวนรถไฟ เขตจตุจักร กทม.แล้ว ยังมีการออกมาของชาวเชียงใหม่ ของชาวอุบลราชธานี ของชาวปัตตานี ของชาวนครปฐม
สรุปได้ว่าในขอบเขต “ทั่วประเทศ”
จำนวนในแต่ละจังหวัดอาจเป็นเรือนพัน เรือนร้อยหรือเพียงเรือนสิบ น้อยมากหากเทียบกับเรือนหมื่นที่สวนรถไฟ
แต่ปมเงื่อนอยู่ตรงที่อะไรทำให้พวกเขาไม่กลัว
ความไม่กลัวต่างหากที่ทำให้สถานการณ์แหลมคม บางแห่งเมื่อห้ามไม่ให้ใส่เสื้อ “วิ่งไล่ลุง” พวกเขาถึงกับงัดเอาเสื้อแดงมีภาพ “ทักษิณ” ออกมาซะเลย
มีความหวาดกลัวเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างแน่นอนภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และโดยเฉพาะภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แล้วอยู่ๆ ทำไมจึงเริ่มไม่กลัว
ปัจจัย 1 อาจเป็นเพราะความล้มเหลวของการสืบทอดอำนาจ ปัจจัย 1 อาจเป็นเพราะการเลือกตั้ง และปัจจัย 1 อาจเพราะความคับแค้นใจหมักหมมสะสมอย่างต่อเนื่อง
มากเข้า มากเข้าก็เริ่มมีความกล้าที่จะเปิดปัญหา ออกมา