อัศจรรย์ การเมือง
คำขาด ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จาก “ม็อบมุ้งมิ้ง”
นี่ย่อมเป็นเรื่องอย่างที่นิยามกันว่า มิอาจ “หัวร่อ” มิอาจ“ร่ำไห้”ในทางการเมือง
พลันที่ขบวนของ “ม็อบมุ้งมิ้ง” เคลื่อนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปถึงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลแล้วยื่น“ใบลาออก”ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พร้อมกำหนด“เส้นตาย”ต้อง“ลงนาม”ภายใน 3 วัน
คนรอบข้างและบรรดาทนายหน้าหอซึ่งเป็น “กองเชียร์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะหัวเราะออกมาก้าก ก้าก ดังกึกก้อง
แต่หลังเสียงหัวเราะก็อาจได้ยินเสียงร่ำไห้
นี่คือพัฒนาการของ“ม็อบมุ้งมิ้ง”จากที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เมื่อ 7 วันก่อน
เพียงแต่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เป็นการเคลื่อนขบวนโดย“คณะราษฎร 2563” และเป็นการเคลื่อนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อ้อมคดเคี้ยวมายังหน้าทำเนียบรัฐบาล
ข้อเรียกร้อง 1 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก
ขณะที่ผ่านมา 7 วันคำตอบก็คือ “ผมไม่ลาออก” ขบวนจึงเคลื่อนออกมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโดย เป้าหมายยังเป็นบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม
อย่ามองข้าม ชื่อของอนุสาวรีย์“ชัย”สมรภูมิเป็น อันขาด
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปฏิเสธ หรือว่ายอมรับต่อข้อเรียกร้อง
แต่ก็ต้องยอมรับว่า นับจากข้อเรียกร้องนี้ ปรากฏขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม ก็สามารถสถาปนาตนเองขึ้นเป็น “วาระ”ในทางสังคมขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ทุกการถกเถียงจะวนอยู่โดยรอบ“วาระ”นี้
ไม่ว่าในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าในรัฐสภา ไม่ว่าในกองทัพ ไม่ว่าในพรรคการเมือง ต่างล้วนอยากรู้อยากได้รับคำตอบหรือแนวโน้มของคำตอบอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น
นี่คือ ฝีมือและความสามารถของ“ม็อบมุ้งมิ้ง”
ความร้อนแรงอยู่ที่อีก 3 วันจากวันที่ 21 คือวันที่ 24 ตุลาคม
สายตาไม่เพียงแต่จ้องมองไปยังการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่ยังอยู่ที่บรรดา“ม็อบมุ้งมิ้ง”ว่ามีแผนลับ แผนลึกอะไร ตระเตรียมเอาไว้
แสงแห่งสปอตไลต์ฉายจับวันที่ 24 ตุลาคม แน่วแน่หนึ่งเดียว