คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
บทบาท รัฐสภา – ญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์มีความสำคัญ
สำคัญไม่เพียงเพราะว่า นี่คือการพุ่งปลายหอกเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นครั้งที่ 2
หากเป็นวาระที่การเมืองเข้าสู่ระดับทะลุเพดาน
คู่เปรียบเทียบที่สำคัญมิได้อยู่ที่บทบาทของรัฐบาล ตรงกันข้าม การเคลื่อนไหวของเยาวชนและประชาชนนอกรัฐสภาต่างหากที่มีความแหลมคมเป็นอย่างสูง
เป็นความแหลมคมอันมากด้วยพลานุภาพทางการเมือง
อย่าคิดว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชน ประชาชนในปี 2563 ไม่มีผลสะเทือน
ปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 อาจเริ่มขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยจำนวนไม่ถึง “เรือนพัน” แต่จะปฏิเสธการขยายตัวเติบใหญ่ได้หรือไม่
เพราะในเดือนตุลาคมก็ยกระดับขึ้นเป็น “คณะราษฎร 2563”
ก่อการเคลื่อนไหวไม่เพียงแต่จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล หากแต่ยังจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาลด้วยความคึกคัก
การเคลื่อนไหวนี้เองที่กลายเป็นคำถามต่อ “นักการเมือง”
คําถามอันเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2564 ก็คือ รัฐสภาจะตอบโจทย์อย่างไร
กรณีของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีของการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ สามารถให้ “คำตอบ” ในทางการเมืองได้หรือไม่
หรือเสมอเป็นเพียง“พิธีกรรม”โดยไม่มี “คำตอบ” อันแน่ชัด
เป็นคำถามถึงบทบาทของอำนาจนิติบัญญัติ เป็นคำถามถึงการหาทางออกผ่านหนทางรัฐสภา ผ่านพรรคการเมือง ผ่านนักการเมืองว่าจะดำเนินไปอย่างไร
เป็นที่หวังตามความต้องการของประชาชน ได้หรือไม่
หากดูจากเนื้อหาใน“ญัตติ”ของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะตอบคำถามได้อย่างเด่นชัด
เพราะว่าได้สะท้อนความเรียกร้องต้องการจากการเคลื่อนไหวของเยาวชน ประชาชนได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ โดยเฉพาะต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับการอภิปรายที่เป็นจริงในรัฐสภาเท่านั้น