ขัดแย้ง แตกแยก
เกิดขึ้น ใน “ประชาธิปัตย์”
กับ ความพ่ายแพ้
คอลัมน์ – วิเคราะห์การเมือง
ขัดแย้ง แตกแยก – สภาพการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้หนักหนาและสาหัสยิ่งทางการเมือง
ความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช ต่อพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งทำให้ภาพทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เสื่อมทรุด ตกต่ำยิ่งขึ้น
แม้จะ “สังหรณ์” มาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้อง “แพ้” ก็ตาม
สังหรณ์นั้นไม่เพียงเพราะเป็นพื้นที่เดิมของ นายเทพไท เสนพงศ์ เท่านั้น หากแต่เมื่อเห็นเงาร่างของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงไปเดินหาเสียงด้วย
ทุกคนก็เริ่มส่ายหน้าและร้องว่าอาจต้อง “แพ้” อย่างแน่นอน
ความขัดแย้งแตกแยก “ภายใน” ของพรรคประชาธิปัตย์คือเหตุปัจจัยหลัก
ไม่เพียงเป็นความขัดแย้งระหว่างแนวทางของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กับแนวทางของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นจะทำให้เป็น “ปัญหา”
เพราะว่าในจังหวัดนครศรีธรรมราชก็อีหรอบเดียวกับจังหวัดสงขลา
จังหวัดสงขลาอาจมีแนวทางของ นายนิพนธ์ บุญญามณี กับ แนวทางของ นายถาวร เสนเนียม แต่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีมากกว่า 2 แนวทางที่เบียดขบกัน
มิเช่นนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช คงไม่มี “ความกล้า” จะหยั่งเข้าไป
ปมเงื่อนของความพ่ายแพ้ ปมเงื่อนของความขัดแย้งและแตกแยก ใครจะเป็นคน “สมาน”
นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา มีการแยกตัวออกมาของหลายคนที่เคยเป็นตัวหลักในพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ไม่ว่าจะเป็น นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัททิยกุล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เข้าไปอยู่วงในของพรรคพลัง ประชารัฐ
นี่คือความเป็นจริงที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยากจะปฏิเสธ
การเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะแก้ปัญหาได้หรือไม่
นี่คือความเป็นจริงที่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสภายในพรรคจักต้องร่วมกันขบคิดและหาทางออก
ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะถึงหายนะมากยิ่งไปกว่านี้