คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ท่าที เพื่อไทย – ทําไมพรรคเพื่อไทยจึงเชิญ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เข้าร่วมใน “โครงการ” ของพรรค

เหมือนกับจะเป็นการเชิญมาเป็น “วิทยากร” คนหนึ่งในโครงการที่เรียกว่า เดอะ เชนจ์ เมกเกอร์ อันเป็นโครงการอบรมเพื่อบ่มสร้าง “คนรุ่นใหม่” มาคิดนโยบายให้กับพรรค

เป็นโครงการซึ่งมิได้มีเพียง “วิทยาการ” หลายคนจาก “วอยซ์ทีวี”

หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก ยังมีการเปิดรายการไลฟ์สด นายทักษิณ ชินวัตร จากมหานครดูไบเข้ามาสนทนาและตอบคำถามของผู้ร่วมอยู่ในโครงการอีกด้วย

นายทักษิณ ชินวัตร มาต่อจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

คําถามก็คือ นี่เป็นความพยายามที่จะดึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กลับหรือไม่

หากพรรคเพื่อไทยวางเป้าหมายเช่นนั้นก็ต้องยอมรับว่าจะต้องพบกับความผิดหวัง เพราะภายหลังการร่วมรายการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็แถลงอย่างแจ้งชัดถึงทิศทางของตน

นั่นก็คือ ทิศทางที่จะสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนาม“อิสระ”

การเชิญ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ มาเป็นวิทยากรในโครงการสำคัญของพรรคเพื่อไทยก็เพียงเพื่อจะฉายสะท้อนให้เห็น “เยื่อใย” ไมตรีที่มีต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เท่านั้น

เป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยในยุคใหม่ ยุคปรับตัว

คําตอบของคำถามทั้งหมดจะมีความกระจ่างเมื่อมีความชัดในเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

นั่นก็คือ หากปี่กลองการเลือกตั้งเริ่มกึกก้องกังวาน มีการกำหนดวันเวลาที่แน่นอน หากพรรคเพื่อไทยยังดำรงเป้าหมายของตนในพื้นที่กทม.ก็ย่อมจะต้องมีตัว

นั่นก็คือ พร้อมชนกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อย่างตรงไปตรงมา

แต่ถ้าถึงกำหนดวาระสำคัญ พรรคเพื่อไทยไม่มีการกำหนดตัวว่าจะส่งใครลงสมัคร นั่นก็หมายความว่า พรรคเพื่อไทยเปิดทางให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อย่างเต็มที่

คำว่า “อิสระ” ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงมีพลังจาก “เพื่อไทย”

ต้องยอมรับว่าในยุคก่อนท่าทีต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ค่อนข้างรุนแรงแข็งกร้าว

รุนแรงแข็งกร้าวถึงกับกลุ่มกทม.เคยยื่นคำขาดให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าหากลงสมัครต้องลงในนามพรรค เพื่อไทย มิเช่นนั้นก็จะต้องปะทะกับคนของพรรคเพื่อไทย

นั่นเป็นพรรคเพื่อไทยยุคก่อน ซึ่งแตกต่างจากพรรคเพื่อไทย ณ วันนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน