คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

เส้นทาง การเมือง
ของ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
กับ ประชาธิปัตย์

การดำรงอยู่ของ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กำลังทดสอบต่อ “พรรคประชาธิปัตย์”

ไม่เพียงเพราะการเปิดตัวตนในความเป็น “ดร. พี่เอ้” อย่างชนิดทะลุทะลวงเท่านั้น หากแต่ภายใน การทะลุลวงนั้นได้รุกเข้าไปในธาตุแห่งความเป็นพรรคประชาธิปัตย์

ฉายภาพ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมา

นั่นก็คือ ภาพของ “ปลัดประเทศ” นั่นก็คือ ภาพของ “ดีแต่พูด” นั่นก็คือ ภาพของ “ดีเข้าตัว ชั่วโยนให้คนอื่น” อย่างมีนัยสำคัญและแหลมคมทาง การเมือง

โดยเฉพาะความล้มเหลวของกรุงเทพมหานคร

ภายในคำวิพากษ์อันแหลมคมจากปากของ “ทายาทสายตรง” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ได้กลายเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างยากจะหลีกเลี่ยง อย่างยากที่จะปัดปฏิเสธได้พ้นไปได้อย่างง่ายดาย

จึงเข้าลักษณะของพังเพย “ขว้างงูไม่พ้นคอ”

เพราะว่าผู้ว่าฯ กทม.อย่าง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน (2547-2551) เพราะว่าผู้ว่าฯ กทม.อย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร (2551-2559) ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์

แม้กระทั่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็มาจาก “ประชาธิปัตย์”

อย่าได้แปลกใจหากการเปิดตัวของ “ดร.พี่เอ้” สร้างความตื่นตะลึงอย่างสูงทางการเมือง

เป็นความตื่นตะลึงในเบื้องต้น แต่คล้อยหลัง จากนั้น ไม่ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ไม่ว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือแม้กระทั่ง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ก็เงียบ

เงียบอย่างชนิดที่ต้องเรียกว่า “อิมซิม” กันถ้วนหน้า

จำเป็นต้องใช้วัฒนธรรมในกระสวนของพรรคประชาธิปัตย์ นั่นก็คือ เปิดทางให้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เล่นบท “แก้ตัว” ไม่ต่างอะไรไปจาก “ลิงแก้แห”

เพราะความคมของ “ดร.พี่เอ้” พรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อยด้วยรอยแผล

ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ในที่สุดแล้วเส้นทางของ “ดร.พี่เอ้” จะดำเนินไปอย่างไร

เพราะคนที่ดำเนินการต่อ “ดร.พี่เอ้” มิได้มาจากพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเปิดทางโล่งให้กับ นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เท่านั้น หากแม้กระทั่ง “สลิ่ม” ก็หงุดหงิด

หงุดหงิดและรับไม่ได้กับท่วงท่าอาการของ “ดร.พี่เอ้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน