เด่นชัดเป็นลำดับว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังตกอยู่ในสถานะ “ตั้งรับ” ทางการเมือง

แม้จะเพิ่งกำชัยต่อร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ด้วยการสามัคคีกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย เพื่อทำสงครามสั่งสอนต่อพรรคภูมิใจไทย

แม้จะได้ นางวทันยา บุนนาค มาเป็น “ปาร์ตี้ลิสต์”

แต่หากสัมผัสกับจังหวะก้าวและการออกโรงอย่างดุเดือด แหลมคม จาก นายชวน หลีกภัย ก็ย่อมกระสาต่อความหงุดหงิดอันแฝงอยู่ภายใน

ขนาด นายชวน หลีกภัย ต้องออกโรงก็ย่อม “หนัก”

ถามว่าจังหวะก้าว นายชวน หลีกภัย ในเรื่อง “ประชาธิปัตย์ไม่เคยซื้อเสียง” เข้มข้นหรือไม่

หากเป็นการเลือกตั้งในยุคแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ยังเป็นหนุ่มน้อยเปี่ยมด้วยพลังในทางการเมือง

ถือได้ว่าเป็น “ยอดคำเท่” จำเป็นต้อง “ล้างหู” รับฟัง








Advertisement

แต่เมื่อเข้าสู่ยุคแห่งนวัตกรรม “ดิจิทัล” ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สร้างปรากฏการณ์ผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

คำของ นายชวน หลีกภัย มิได้ “เท่ระเบิด” อีกต่อไปแล้ว

รากฐานที่ นายชวน หลีกภัย จำเป็นต้องออกมาสะบัด “มีดโกน” คืออะไร

คำตอบ 1 คือความขัดแย้ง แตกแยกอันก่อให้เกิดสถานการณ์ “แยกตัว” ครั้งใหญ่ภายในพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ไม่ว่าจะมองไปยัง “รวมพลัง” ไม่ว่าจะมองไปยัง “ไทยภักดี”

ยิ่งการขยับขับเคลื่อนเข้าแย่งยึดเอาพื้นที่ในภาคใต้ทั้งของพรรคสร้างอนาคตไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งหนักแน่นดังแผ่นผา

ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องถอยร่นไปติดมุม

ความเป็นจริงในปัจจุบันก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ต้องสู้กับคนของพรรคประชาธิปัตย์

ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าจะเป็น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ไม่ว่าจะเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่าจะเป็น นายวิทยา แก้วภราดัย

จึงได้ยินเสียงถอนใจจาก นายชวน หลีกภัย ดังกึกก้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน