อุบัติแห่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้กลายเป็นประเด็นแหลมคมในทางการเมือง

ไม่เพียงเพราะมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นตัวละคร “เอก” หากแต่ยังมีชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นตัวละคร “สำคัญ”

เป็น “พรรคทหาร” ก็จริง แต่มี “ความต่าง”

ต่างไปจากพรรคเสรีมนังคศิลา แตกต่างไปจากพรรคชาติสังคม แตกต่างไปจากพรรคสหประชาไทย แตกต่างไปจากพรรคสามัคคีธรรม

เนื่องจากมี “องค์ประกอบ” จาก “ประชาธิปัตย์”

ถามว่าเหตุใดจึงเรียก “พรรคพลังประชารัฐ” ว่าเป็นตัวแทนของ “พรรคทหาร”

แม้ว่าจุดเริ่มต้นของพรรคพลังประชารัฐมาจากการเคลื่อนไหวของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ซึ่งล้วนแต่มีรากฐานมาจาก “ไทยรักไทย”

กระนั้น ระยะแรก หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอาจเป็น นายอุตตม สาวนายน แต่เมื่อถึงกาลอันสมควร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เข้ามา

แต่ครานี้พรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มจาก “ประชาธิปัตย์”

พรรคประชาธิปัตย์โดดเด่นอย่างยิ่งในการต้าน “พรรคทหาร” ต้าน “รัฐประหาร”

ไม่ว่าจะเป็นพรรคเสรีมนังคศิลาของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติสังคมของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

พรรคสหประชาไทยของ จอมพลถนอม กิตติขจร

แต่เมื่อมาถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กลับเป็น “นั่งร้าน” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่งมากับ “รัฐประหาร” มากับ “เผด็จการ”

ในเมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำสำคัญ

คำถามก็คือพรรคนี้จะเดินไปบนเส้นทางสายเดียวกับพรรคสามัคคีธรรมหรือไม่ จะเดินไปบนเส้นทางสายเดียวกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

สายตาจึงมองไปยัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน