การเปิดเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โคราชมีความสำคัญอย่างสูง
ไม่เพียงเพราะมีการนำเอาการได้เกิดที่โคราชมาเป็น “จุดขาย” เน้นย้ำสถานะแห่งการเป็นหลาน “ย่าโม” มาสร้างเป็นจุดเด่น เรียกมวลชนเท่านั้น
หากยังอยู่ที่ “สถานะ” ทางการเมืองของ “โคราช”
เป็นการเมืองเนื่องแต่เป็นจุดเชื่อมระหว่างภาคอีสานกับภาคอื่น และจำนวนประชากรที่มีมากถึงกับต้องแบ่งเขตออกเป็น 16 เขต
เป็นรองเฉพาะกทม.ซึ่งมีอยู่ 33 เขตเท่านั้น
สถานะนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมพงศ์กับ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์
เนื่องจาก ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ เป็นคนโคราช แม้จะผ่านมาแล้วหลายพรรคการเมืองแต่แจ้งเกิดผ่านการเป็นส.ส.พรรคไทยรักไทย
การมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงสำคัญ
ยิ่งได้รับมอบหมายให้เป็นแม่งานใหญ่ในการจัดเวทีและระดมประชาชน ยิ่งทำให้บทบาทของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ อยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์
จะรุ่ง หรือจะร่วงก็จากผลงาน “โคราช”
คำถามก็คือ เวทีปราศรัยที่โคราชส่งให้ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ทะยานสูงหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องนำไปเทียบกับภาพของประชาชนที่หลั่งไหลเข้าร่วมเวทีของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะที่อำเภอชาติตระการ ไม่ว่าจะที่อำเภอราษีไศล
ใครที่ติดตามเรื่องเหล่านี้ย่อมได้ “คำตอบ”
เป็นคำตอบจากเสียงโห่ร้องในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปราศรัย เป็นคำตอบจากภาพของ “ทหารม้า” อันปรากฏผ่าน “สื่อ”
สีขาว สีน้ำเงิน สีแดง เป็นอย่างไร
เทียบกับมวลชนที่ชุมพร เทียบกับมวลชนที่นครศรีธรรมราชย่อมเห็นได้ชัดเจน
เพียงแต่ที่ชุมพรเป็นผลงานของ นายชุมพล จุลใส เพียงแต่ที่นครศรีธรรมราชเป็นผลงานของ นายธนกร วังบุญคงชนะ เท่านั้น
คนระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมประเมินได้ อ่านออก