การเดินสายของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังก่อ “พลานุภาพ” ในทาง “การเมือง”
ยิ่งเสียงร้องตะโกน “นายกฯพิธา นายกฯพิธา” ดังกึกก้อง ไม่ว่าจะที่ภูเก็ต ไม่ว่าจะที่ระยอง ไม่ว่าจะที่ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่
ยิ่งสั่นไหวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยพื้นฐานคือภาพเปรียบเทียบระหว่างมวลชนของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับมวลชนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างขาวกับดำ
ในที่สุดก็ก่อความสะเทือนใจ นำไปสู่ความหงุดหงิด
ความต่างระหว่าง 2 มวลชนมีรากฐานในทางความคิด ในทางการเมืองอย่างไร
รู้กันโดยอัตโนมัติว่า มวลชนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากไม่อยู่ในกระบวนการของ “มหาดไทย” ก็ต้องเป็นของ “กอ.รมน.”
และสัมพันธ์กับ “รวมไทยสร้างชาติ”
นี่ย่อมแตกต่างไปจากมวลชนของพรรคก้าวไกล แตกต่างไปจากพี่ป้าน้าอาที่เดินทางมารอคอยและเปล่งเสียง “นายกฯพิธา นายกฯพิธา”
เป็น “หัวคะแนนธรรมชาติ” เกิดขึ้นอย่างเป็นไปเอง
เด่นชัดว่ามวลชนหนึ่งมาจากอามิสสินจ้าง มวลชนหนึ่งมาด้วยความรัก ศรัทธา
ไม่ต้องให้เกจิระดับ อาจารย์สุขุม นวลสกุล ไม่ต้องให้ผู้คร่ำหวอดระดับ สุทธิชัย หยุ่น วีระ ธีรภัทรานนท์ หรือ สรยุทธ สุทัศนะจินดา
รู้ดีตั้งแต่ปี่กลองการเมืองได้เริ่มดังขึ้น
รากฐานเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐมาอย่างไร รากฐานเวทีปราศรัยของพรรครวมไทยสร้างชาติมาอย่างไร
ต่างอย่างสิ้นเชิงกับของพรรคก้าวไกล
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 การเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 เด่นชัด
พรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกระบุว่ามีการซื้อเสียง พรรคก้าวไกลปลอดจากข้อกล่าวหาในเรื่องการใช้เงินซื้อเสียงอย่างสิ้นเชิง
ถามว่าแล้ว “พรรคการเมืองใด” ถูกมองว่า “ซื้อเสียง”
