การดำรงอยู่ของ นายสุชาติ ตันเจริญ มากด้วยความพะอืดพะอมอย่างคมแหลม

ยิ่งได้รับการเอ่ยชื่อจาก “คนดัง” ทางการเมือง ไม่ว่าจะจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ว่าจะจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์

ในฐานะที่มีโอกาสได้เป็น “ประธานสภา”

ยิ่งสร้างความหนักใจ และยากลำบากอย่างยิ่งที่จะขยับตัว ไม่ว่าจะเป็นการออกโรงมาเห็นด้วย หรือว่าไม่เห็นด้วยก็ตาม

ทุกอย่างล้วนดำเนินไปในแบบ “น้ำท่วมปาก”

ด่านแรกอันกลายเป็น “ปัญหา” คือ การมีข่าวปะทุมาจากด้าน “พลังประชารัฐ”

พลันที่คนของพรรคพลังประชารัฐเอ่ยว่าอาจมีการเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ ขึ้นชิงตำแหน่ง “ประธานสภา” ก็กลายเป็น “ประเด็น”

เพราะดูเหมือนจะออกมาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า








Advertisement

จึงยิ่งทำให้การฟันธงผ่านปาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีน้ำหนัก ยิ่งผ่านปาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยิ่งมากด้วยสีสัน

เท่ากับฉายชี้ถึงความเป็นจริงของ “ดีล” ลับ

ความเงียบในท่วงทำนองของ นายสุชาติ ตันเจริญ จึงกลายเป็น “คำถาม”

ถามว่าจะให้ นายสุชาติ ตันเจริญ ทำอย่างไร ออกมาแถลงอย่างที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ชี้นำในลักษณะ “นำร่อง” อย่างนั้นหรือ

ตอบยากเย็น ลำบากยิ่งต่อการขยับตัว

ความนิ่งของ นายสุชาติ ตันเจริญ จึงยิ่งทำให้เกิด “คำถาม” ทั้งต่อแนวทางการวิเคราะห์ของบรรดา “เกจิ” ในทางการเมืองและ นายสุชาติ ตันเจริญ เอง

แล้วทางออกในแบบ “มดดำ” เหมาะสมหรือไม่

เหมือนกับความรู้สึกที่ “มดดำ” สำแดงออกจะเป็น “คำตอบ” ในท่ามกลางความกังขา

แต่บทสรุปที่ว่า “ภูมิใจที่พ่อยังเชื่อลูกคนนี้บ้าง หนูเชื่อบนเส้นทางประชาธิปไตย” ก็กลายเป็นอีกคำถามที่ชวนสงสัย

ประชาธิปไตยแบบไหน แบบเพื่อไทย หรือแบบก้าวไกล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน