ทำไม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ต้องกลายเป็น “เหยื่อ” จากสถานการณ์ “กราดยิง”

หากมอง “ปฏิกิริยา” อันเกิดกับ นายเศรษฐา ทวีสิน ในเชิงเปรียบเทียบก็ถือว่าเบากว่าสภาพที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ต้องแบกรับ

เนื่องจากเป็นเพียง “ข้อสังเกต” ต่อ “เสื้อผ้าอาภรณ์”

แต่กล่าวสำหรับ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ต้องยอมรับว่าหนักหนาสาหัสมากกว่าหลายเท่าเพราะเริ่มตั้งแต่ “ปรากฏตัว” กระทั่งเดินออกจากที่เกิดเหตุ

น่าเห็นใจ และจำเป็นต้องทำความเข้าใจ

ต้องยอมรับว่า มูลเชื้อต่อ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ มาจาก “ภูมิหลัง” ทางสังคม

นั่นก็คือ ภูมิหลังที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้จัดทำ “บัญชีดำ” ผู้มีอิทธิพล

จากกรณี “กำนันนก” และจากกรณีอื่นๆ ผสมเข้าด้วยกัน








Advertisement

ปรากฏว่าเสียงร้องชมเชยดังกระหึ่มจากทุกมุมเมือง ทำให้ไม่ว่ากรณี “วัดบางคลาน” ก็ต้อง นายชาดา ไทยเศรษฐ์

ตรงนี้เองทำให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ไปที่สยามพารากอน

กระนั้น สถานการณ์ ณ สยามพารากอนต่างไปจากกรณี “บัญชีดำ” อย่างสิ้นเชิง

ในเมื่อเป็นเรื่องอันเกิดจาก “มือปืนฟันน้ำนม” อายุเพียง 14 ปี การไปนั่งอยู่ข้าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ จึงเกิดคำถาม

ถามในความเหมาะสม ถามในการเลือกจังหวะ

แม้เมื่อ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เดินออกจากที่เกิดเหตุและจะกลับกระทรวงก็ต้องพบกับมรสุมแห่งคำถาม แต่ตอบเพียงยก 2 มือชูขึ้นเหนือศีรษะ

เท่านั้นแหละก็ถูก “ตีความ” ไปหลายหลากมากความนัย

มีเหตุผลที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ จะเกิดความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์เมื่อประสบ

หากใครติดตาม “ความเห็น” จากกรณีกราดยิงที่สยามพารากอนก็จะยิ่งหงุดหงิด เพราะปรากฏ “ผู้เชี่ยวชาญ” ขึ้นมากมาย

นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ ในสถานการณ์ใหม่ของสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน