ภาพของการอยู่ท่ามกลางมวลชนที่ตากและลำพูนของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น่าทึ่ง
น่าทึ่งมิได้อยู่ที่“ปริมาณ”ของมวลชนที่มาต้อนรับ มาแวดล้อมเมื่อยืนอยู่บนเวทีปราศรัย เด่นชัดมิได้อยู่ที่คึกคักหนักแน่นไม่แตกต่างจากที่ปรากฏก่อนหน้านี้
ไม่ว่าที่เป็น“ปรากฏการณ์”ในเดือนเมษายน หรือหลังเดือนพฤษภาคม
หากที่สำคัญและมากด้วยความแหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ วิกฤตอันเกิดขึ้นในแต่ละระลอกเกือบมิได้ส่งผลสะเทือนในลักษณะบั่นทอน
ไม่ว่ากรณี“หมออ๋อง” ไม่ว่ากรณี “แจ้ ปราจีน”หรือ “ปูอัด จอมทอง”
ต้องยอมรับว่ามีความพยายามขยายผลจาก“วิกฤต”ให้เป็น“ผลสะเทือน”การเมือง
ไม่ว่าการหยิบประเด็นการขับ“หมออ๋อง”เพื่อทะยานเข้า ยึดกุมตำแหน่ง“ผู้นำฝ่ายค้าน”โดยที่ยังรักษาตำแหน่ง “รองประธานสภา คนที่ 1”อยู่ในมือ
กระทบไปถึง“ความไม่ตรงไปตรงมา”และ“ก้าวไกล การละคร”
ไม่ว่าการทำให้ปมแห่งการ“ล่วงละเมิดทางเพศ”อันเป็นเรื่องเฉพาะส่วนของ แจ้ ปราจีนบุรี และ ปูอัด จอมทอง ให้สอดรับกับสมญานาม“ก้าวกาม”
ปฏิบัติการเหล่านี้ทรงพลัง แต่ได้ผลหรือไม่ ยังต้องประเมิน
หากดูจากการต้อนรับทุกการไปเยือนของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กลับตรงกันข้าม
ในฐานะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือตัวจุดประกายและเชื่อมต่อจากยุค“ฟ้ารักพ่อ”ในยุคพรรคอนาคตใหม่ ต้องยอมรับ “สถานะ”ดำรงอยู่อย่างท้าทาย
มวลชนที่เข้ามาห้อมล้อมมีลักษณะ“ขยายกรอบ”และขอบเขต
ไม่ว่าจะเมื่อเดินทางไปมหานครนิวยอร์ก ไม่ว่าจะเมื่อเดินทางไปเยือนตาก ไม่ว่าจะเมื่อต่อเนื่องไปยังลำพูน บ่งชี้ชัดเจนว่า “กระแส”ไม่เคยตก
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สามารถรักษาสถานะ “ส้มรักพ่อ” ได้ไม่จางคลาย
จึงต้องยอมรับว่ากลยุทธ์ในแบบ“บีเอ็นเค”ต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาถูกทาง
เป็นดาวเด่นอันทำให้พรรคก้าวไกลต่อยอดจากพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต่อยอดจากของเดิมที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ทำเอาไว้
ต้องรอดูแผนบันได 4 ขั้นของ“ก้าวไกล”ว่าจะไปได้ แค่ไหน เพียงใด