การตัดสินใจของ นายกรณ์ จาติกวณิช ลาออกจากพรรคชาติพัฒนากล้าแฝงนัยยะ

ไม่เพียงแต่เป็นนัยยะต่อการรับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา จากพรรคก้าวไกลเข้ามาเป็น สส.คนที่ 3 ในสังกัดพรรคชาติพัฒนากล้า เท่านั้น

หากเป็นนัยยะย้อนกลับไปยัง “ก้าวไกล” อย่างแหลมคม

อย่าลืมท่าทีของพรรคก้าวไกลในห้วงแห่งการจัดตั้งรัฐบาล อย่าลืมท่าทีของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เคยทอดไมตรีให้กับพรรคก้าวไกล

ภายใต้ #มีกรณ์ไม่มีกรู อันก้องกัมปนาท

ต้องยอมรับว่าในแต่ละจังหวะก้าวของ นายกรณ์ จาติกวณิช ในทางการเมือง

เมื่อตัดสินใจแยกตัวออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทางด้านรัฐบาลพร้อมอ้าแขนโอบรัดด้วยไมตรีจิตระนาบเดียวกันกับกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

แต่ นายกรณ์ จาติกวณิช มี “วาระ” อันเป็นของตน

นั่นก็คือ การรวบรวมบุคลากรซึ่งถือว่าเป็น “รุ่นใหม่” เข้ามาลงหลักปักฐานทางการเมืองผ่าน “พรรคกล้า” เพื่อสร้างจุดต่างให้เป็นทางเลือกใหม่

ต่างจาก “ก้าวไกล” ต่างจาก “ประชาธิปัตย์”

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความคึกคัก หนักแน่น เปี่ยมด้วยความหวังอันสดใส

แต่เมื่อหยั่งลงไปในการเลือกตั้ง “ซ่อม” ไม่ว่าจะเป็นในบางพื้นที่ของภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นบางพื้นที่อันเปี่ยมด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูงในกทม.

แต่ก็ประสบกับความผิดหวัง พบกับความพ่ายแพ้

ทางเลือกของ นายกรณ์ จาติกวณิช จึงต้องพยายามหา “พันธมิตร” และที่สุดเป้าหมายคือ “ชาติพัฒนา” จนกลายมาเป็น “ชาติพัฒนากล้า”

การเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมก็ได้มาเพียง 2

ผลการเลือกตั้งนั้นเองกลายเป็น “เส้นแบ่ง” กลายเป็น “จุดตัด” ในทางการเมือง

นั่นก็คือ การแสดงสปิริตยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” แต่ยังคงความเป็น “สมาชิก” ของพรรคชาติพัฒนากล้าอยู่ยังไม่ไปไหนไกลห่าง

แต่เมื่อมีมติรับอดีตสส.จากพรรคก้าวไกลก็ถึงเวลาต้องลาจาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน