พลันที่มีการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มสามมิตร” ได้เกิดภาพเปรียบทาง การเมืองอันแหลมคมยิ่งตามมาโดยอัตโนมัติ
เปรียบกับ พรรคประชาธิปัตย์ เปรียบกับ พรรคเพื่อไทย
อาจเป็นการมองด้วยกระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อเห็นภาพ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศการดูด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ณ รีสอร์ทดัง จังหวัดเลย
พิจารณาจาก”วิดิโอ”ที่เผยแพร่มากกว่า 5 คนแน่นอน
อาจเป็นการมองด้วยกระบอกตาร้อนผ่าว เมื่อเห็นภาพการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อดีตส.ส.อดีตส.ว.กว่า 100 คน ณ คลับเฮาส์ สนามกอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี
ประกาศ”พลังดูด” อันเกรียงไกร ใหญ่เบิ้ม
คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใด”กลุ่มสามมิตร”จึงสามารถเคลื่อนไหว ได้อย่างเสรี
ไม่มี “คสช.” ไปแจ้งความ “กล่าวโทษ”
ตรงกันข้าม ที่พรรคเพื่อไทยเพียงมีสมาชิก 3 คนไปนั่งสรุป
ผลงาน 4 ปีของรัฐประหาร
ก็ถูกคุกคามโดยทหาร ตำรวจ
ไม่เพียงเท่านั้น “คสช.” ยังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความกล่าวโทษ ไม่เพียงแต่ผิดคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 หากไปไกลถึงขนาดผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ขณะที่กรณีของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กรณี นายภิรมย์ พลวิเศษ แห่ง”กลุ่มสามมิตร”สามารถจะขยับขับเคลื่อนอย่างไรก็ราบรื่น ไม่มีใครกล้าขัดขวาง
คำถามเหล่านี้ส่งตรงไปยังหัวหน้าคสช.และบรรดาสมาชิกของคสช.ทุกระดับ
สะท้อนให้ตระหนักถึงการเลือกปฏิบัติอย่างเด่นชัด
น่าสนใจก็ตรงที่ความรู้สึกเหล่านี้มิใช่เพราะต้องการให้นำตัวบรรดาแกนนำ”กลุ่มสามมิตร”ขึ้นฟ้องร้อง กล่าวโทษ
ตรงกันข้าม มิได้เป็นไปเช่นนั้น
หากแต่เริ่มต้นมาจากพื้นฐานที่ว่า หาก”กลุ่มสามมิตร”ทำได้ โดยไม่มีการห้ามปราม หรือแตะต้อง กลุ่มหรือพรรคการเมืองอื่นก็สมควรจะทำได้โดยไม่ผิดคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เหมือนกัน
เป็นการเรียกร้องการปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์ในทางการเมือง