คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างครม.สัญจรที่เพชรบูรณ์ถึงฐานที่มาแห่ง”นายกรัฐมนตรี”

มีความสำคัญเป็นอย่างสูง

“ทุกคนต้องรู้ก่อนว่า นายกรัฐมนตรีจะมาอย่างไร ซึ่งจะมาจากพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด พรรคที่ได้คะแนนมากสุดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและตั้งนายกรัฐมนตรี”

เหมือนกับเป็นหลักการพื้นฐาน เป็นหลักการโดยทั่วไป

แต่หลักการนี้ก็มีความสำคัญในทาง “รัฐศาสตร์” และยิ่งกว่านั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในทาง “การเมือง”

ความสำคัญอยู่ตรงที่นี่คือ “จิตวิญญาณ” แห่งความเป็น”ประชาธิปไตย”

ไม่ว่าในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจในทางการเมืองอย่างไร

จะประกาศ ณ เบื้องหน้าประชาชน หรือไม่ประกาศ

แต่หลักการพื้นฐานซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวกับชาวเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 18 กันยายน ทรงความหมายเป็นอย่างสูง

จะกลายเป็น”บรรทัดฐาน”ทางการเมือง

ไม่เพียงแต่เป็นบรรทัดฐานให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย

หากที่สำคัญยังเป็นบรรทัดฐานให้กับ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป

พลันที่ผล”การเลือกตั้ง”ปรากฏออกมา

บรรทัดฐานจากวันที่ 18 กันยายน 2561 จะต่อเนื่องยาวนานไปกระทั่งหลังวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562

เป็นดังสัญญาประชาคมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จากคำประกาศเช่นนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่ากับสะท้อนความเชื่อมั่นว่า หากมีการเลือกตั้งพรรคคสช.จะต้องได้ชัยชนะอย่างแน่นอน

ไม่ว่าพรรค 250 ส.ว. ไม่ว่าพรรคพลังดูด

ความหมายที่เป็นจริงจึงมิได้อยู่ที่ 250 ส.ว.หากแต่อยู่ที่พรรค พลังดูดซึ่งจะต้องได้ไม่ต่ำกว่า 250 หรืออย่างน้อยพลานุภาพของ พรรคพลังดูดจะรวบรวม ส.ส.ได้มากกว่า 250 ขึ้น

ความมั่นใจเช่นนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน