คำสั่งโดยวาจาของกกต.ภายใต้ประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ต่อ การระดมทุนของพรรคอนาคตใหม่กำลังเป็นเป้าเด่นประเด็นร้อนในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่จะเกิดคำถามว่าสามารถทำได้หรือไม่ หากแต่ยังขยายกรอบไปยังคำถามว่าจำเป็นมากน้อยเพียงใด
เพราะภาพเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ณ พรรคอนาคตใหม่เด่นชัด
เด่นชัดว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงสามารถระดมทุนจากการบริจาคและขายของที่ระลึกได้เกือบ 20 ล้านบาท
ตรงนี้ถือว่าเป็น “สตาร์ทอัพ” สะท้อนความเป็น “นวัตกรรม”
เท่ากับเป็นการฉีกแนวไปจากประเพณีที่เคยทำกันมาผ่านการเลี้ยงโต๊ะจีน
เท่ากับพรรคอนาคตใหม่ คือ สตาร์ทอัพทางการเมือง
เหตุผลในการห้ามอันมาจากกกต.ดำรงอยู่บนพื้นฐานของประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ไม่ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
เป็นประกาศที่มาพร้อมกับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เป็นมาตรการห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหว
เป็นมาตรการอยู่บนพื้นฐานของความต้องการรักษาความสงบเรียบร้อย
จึงต้องสกัด “เงินทุน” อย่างเข้มงวด
จากเดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านเดือนพฤษภาคม 2561 เป็นเวลา 4 ปีเศษและกำลังทะยานไปสู่โรดแมป “การเลือกตั้ง” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ทุกพรรคการเมืองล้วนกระตือรือร้นที่จะเข้าสู่ “การเลือกตั้ง”
ทุกการเคลื่อนไหวก็เพื่อเตรียมความพร้อมใน “การเลือกตั้ง” ไม่ว่าในเรื่องการหาสมาชิก การกำหนดนโยบายและการระดมทุน
เป็นการระดมทุนเพื่อเลือกตั้งมิได้มีเป้าหมายอื่น
ไม่ว่าคสช. ไม่ว่ากกต.จำเป็นต้องทำความเข้าใจในเรื่องการระดมทุนว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดต่อการเลือกตั้ง
การระดมทุนเป็นเชื้อนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับบริจาคและการขายของที่ระลึกของพรรคอนาคตใหม่เป็นชนวนนำไปสู่ความไม่สงบ
หรือเป็นการสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคมวลชน