ปรากฏการณ์แห่ง “กลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย”ที่มี นายจาตุรนต์ ฉายแสง กับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ คือพัฒนาการอีกรูปแบบหนึ่งของประชาธิปไตยไทย
ต้องยอมรับว่า นี่เป็นผลจากคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ
ผลโดยตรงคือ พรรคไทยรักษาชาติ
ผลโดยอ้อมคือ ตัดสิทธิและลงโทษทางการเมืองของกรรมการบริหาร พรรคไทยรักษาชาติ ตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าระบบเขต ไม่ว่าระบบบัญชีรายชื่อ
ผลก็คือ คะแนนเสียงของพรรคไทยรักษาชาติจะมีการถ่ายโอนไปยังผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่นโดยอัตโนมัติ
ผลก็คือ เกิด”กลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย”
ความน่าสนใจก็ตรงที่ได้เกิดปรากฏการณ์หลายปรากฎการณ์ในทางการเมืองตามมา
1 มีคำประกาศถ่ายโอนคะแนนให้กับบางพรรคการเมือง
ดังในกรณีของผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตพรรคไทยรักษาชาติที่ได้กลายเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่
1 มีคำประกาศ”โหวตโน”ในบางเขตการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน 1 มีการจัดตั้ง”กลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย ตระเวนเดินสายปราศรัยทางการเมืองโดยมีจุดเริ่มที่ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา สุรินทร์ เป็นต้น
เป็นการปราศรัย เปิดโปง โจมตี คสช. เป็นการปราศรัยเปิดโปง โจมตี พรรคการเมืองที่แนบชิดอยู่กับคสช.
ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครของพรรคการเมืองอันถือว่าเป็นพันธมิตรในแนวทางเดียวกันกับของพรรคไทยรักษาชาติ
นั่นก็คือ พรรคในปีก”ประชาธิปไตย” แม้มิได้ระบุว่าเป็นพรรค การเมืองใดแต่ก็เด่นชัดว่าพรรคตรงกันข้ามกับ”คสช.”
รูปธรรมแห่งการเคลื่อนไหวอันสะท้อนความต่อเนื่องจากการยุบ พรรคไทยรักษาชาติครั้งนี้ยืนยันให้เห็นบทเรียนและความล้มเหลว ของการยุบพรรคการเมืองในกาลอดีตอีกตัวอย่างหนึ่ง
ว่ามาตรการ”ยุบ”มิได้เป็นการยุติหรือจบสิ้นของปัญหา
ดังกรณียุบพรรคไทยรักไทยแล้วเกิดพรรคพลังประชาชน ยุบพรรคพลังประชาชนแล้วเกิดพรรคเพื่อไทย
เป็นการยุบในทางการจัดตั้ง แต่ไม่สามารถสกัด”ความคิด”