ทำไมบทสรุปของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ต่อยุทธการปิดล้อมวัดพระธรรมกายที่ว่า

เหมือน “เผา”บ้านทั้งหลังเพื่อ”จับหนู”ตัวเดียว

จึงถูกใจ “ชาวบ้าน” เป็นอย่างมาก

อาจเป็นเพราะว่ายุทธการปิดล้อมวัดพระธรรมกายทำให้”ชาว บ้าน” เกิด “นัยประหวัด” ในทางความคิด

ไปยังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

ไปยังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

แล้ว “ชาวบ้าน” ก็รับรู้ด้วยความลึกซึ้งเป็นลำดับว่า ปัญหาทั้ง หลายทั้งปวงอันเกิดขึ้นมีอยู่ และต้องแก้กันอีนุงตุงนังมาจนกระทั่งทุกวันนี้

ก็เป็นผลมาจาก “รัฐประหาร”

ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่เห็นตรงกันว่า “เสียของ” ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่กำลังเดินตามรอย

เมื่อเห็นยุทธการปิดล้อม”ธรรมกาย” จึงอุทานว่า “เอาอีกแล้ว”

พลันที่มีการระบุว่า ปัญหาอันเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายสืบเนื่องจาก “คนๆเดียว”

อุทานว่าด้วย “เอาอีกแล้ว” จึงสบกับ”อารมณ์”

เพราะว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็มีมูลเชื้อเนื่องมาจาก “คนๆเดียว”มิใช่หรือ

เช่นเดียวกับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

แต่แล้วทั้งๆที่ลากรถถัง ขนปืนเข้ามาทำรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ปัญหาเนื่องแต่”คนๆเดียว”ก็ยังดำรงอยู่

เหมือนกับกรณี”ธรรมกาย” สดๆร้อนๆ

ทั้งๆที่เป็นปัญหาของ “คนๆเดียว” แต่ทำไมต้องสนธิกำลังพลมากกว่า 3,000 ไปปิดล้อม

ปิดล้อมกว่า 20 วันแล้วเป็นอย่างไร

“คนๆเดียว”ที่ว่านั้นก็ยัง “ลอยนวล” กระทั่งต้องยกกำลังไปบุก “อารามปริสุทโธ” แล้วพบเพียงเสื้อยืดเหลือง 2 ตัว

เท่ากับเป็น 20 กว่าวันที่”สูญเปล่า”

เป็นอันว่า ปัญหาของ”คนๆเดียว”จากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ยังไม่จบสิ้น

ก็ตามมาด้วยรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

แล้วยังตามมาด้วยยุทธการปิดล้อม”ธรรมกาย”ด้วยอำนาจตาม “มาตรา 44″ เป็นเวลากว่า 20 วัน

และทำท่าว่าอาจยืดเยื้อเป็น 1 เดือน

ผลก็คือ ยุทธการทั้งหมดนี้ได้ตรวจสอบความศักดิ์สิทธิ์แห่งอำนาจตาม”มาตรา 44” อย่างแหลมคมยิ่งเท่านั้น หากแต่ยังตรวจสอบกระบวนการในทางความคิด

ความคิดในการจัดการกับ “คนๆเดียว” เหตุใดจึงอึกทึก ครึกโครมอย่างนี้

เหตุใดจึงต้อง”เผาบ้าน” เพื่อจับ”หนู”เพียงตัวเดียว

เหตุใดจึงต้องทำแบบเดียวกับเมื่อปี 2549 และเมื่อปี 2557

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน