FootNote : บทเรียน จากปฏิทิน ขันแดง แพร่ขยายเหมือน “วิ่งไล่ลุง”

เหตุปัจจัยอะไรทำให้กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ซึ่งเดิมจะจัดเล็กๆที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงกลายเป็น “ไวรัล” ในทางการเมือง กระจายออกไปในขอบเขตเกือบทั่วประเทศ
นั่นก็คือ มีขึ้นพร้อมกับ 30 กว่าจังหวัดในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม
ไม่ว่าจะเป็นที่ นครปฐม สมุทรปราการ ไม่ว่าจะเป็นที่ ปัตตานี นครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ พิษณุโลก ไม่ว่าจะเป็นที่นครราชสีมา สกลนคร
ต่างคนต่างจัด ต่างคนต่างวิ่ง มากด้วยผู้คน มากด้วยสีสัน ไล่ตั้งแต่สถานที่ เวลา เสื้อผ้า อาภรณ์ เพียงมีจุดร่วมลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือ “วิ่งไล่ลุง”
ปรากฏการณ์ทางการเมืองเช่นนี้แพร่กระจายได้อย่างไร

ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อาจไม่เข้าใจ
แต่บรรดา “ตำรวจ” จะเข้าใจเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะตำรวจที่ถูกสั่งให้ไปกดดันที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะตำรวจที่ถูกสั่งให้ไปกดดันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านราชดำเนิน
เป้าหมายก็คือ มิให้คนจัดซึ่งล้วนเป็น “ละอ่อน” อย่างยิ่งในทางการเมืองสามารถแถลงข่าวได้
แต่ที่บรรดาลุง ๆ ป้า ๆ ทั้งหลายลืมหรือมองข้ามไปก็คือ เป็นการกดดันผ่านสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เพียงเท่านี้ก็เกิดเป็นข่าวทั้งยังเป็นข่าวที่ไม่ธรรมดาหากแต่เป็นข่าวออกไปทั่วโลก
นั่นแหละคือจุดเริ่มอย่างทรงความหมายในด้าน “การข่าว” นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา “วิ่งไล่ลุง”ก็กลายเป็น “กระแส”

กรณีของกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ดำเนินไปเหมือนกับกรณีการแจก “ปฎิทิน” เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ดำเนินไปเหมือนกับกรณีการแจก “ขันแดง”เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นในยุคของ “คสช.” มีอำนาจตามคำสั่ง และมาตรา 44 เต็มเปี่ยม
ถามว่าเหตุใดชื่อของ “ปฏิทิน” ชื่อของ “ขันแดง” จึงฮือฮา
ไม่ว่าจะมีการแจกจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการแจกได้กี่ชิ้นกี่อันในทางเป็นจริง
แต่ “ปฏิทิน” และ “ขันแดง” ก็ดังทะลุโลกเหมือน “วิ่งไล่ลุง”

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน